นี่ไม่ใช่อาเลปโป : ช็อก! ซาอุฯ ทำลายชุมชนชีอะห์อย่างกว้างขวาง

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คนแล้วนับตั้งแต่รัฐบาลซาอุฯ เริ่มปฏิบัติการทำลายย่านอัลมูซาเราะห์ (Almosara) อันเก่าแก่ในเขตอะวามิยะห์ (Awamiya)

ภาพถ่ายโดยนักเคลื่อนไหวเผยให้เห็นพื้นที่ซึ่งถูกทำลายของอะวามียะห์ (@SahatAlbalad)

ความหวาดกลัวทวีเพิ่มนับแต่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียปฏิบัติการโจมตีในเขตอะวามิยะห์อย่างหนักหน่วง ภาพที่น่าตกใจซึ่งถ่ายโดยนักเคลื่อนไหวท้องถิ่นและภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นการทำลายล้างหมู่บ้านมุสลิมชีอะห์อย่างกว้างขวาง ในการปิดล้อมนานหลายเดือน และได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 12 คน

ภาพจากดาวเทียมเผยให้เห็นเขตนี้ของเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านประวัติศาสตร์อัลมูซาเราะห์ตกอยู่ในซากปรักหักพัง เมื่อทหารซาอุฯ ปะทะกับนักรบชีอะห์บนถนนแคบๆ

นักเคลื่อนไหวรายงานอ้างแหล่งข่าวในจังหวัดกอตีฟ (Qatif) ระบุว่า คนงานในฟาร์มย่านอัลรามิส (al-Ramis) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตอะวามิยะห์ ได้รับเสียงประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขอให้นำสัตว์เลี้ยงของพวกเขาออกไปจากพื้นที่

นอกจากนั้นยังมีหมายประกาศเตือนมาแปะหน้าบ้านในย่านชะวัยกะห์ (al-Shweikah) ซึ่งตั้งอยู่ห่าง 6 กิโลเมตรทางตอนใต้ของย่านอัลมูซาเราะห์ หมายประกาศนี้ออกโดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชน อัลอิบราฮีม (Alibrahim) ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับผิดชอบในโครงการรีโนเวทย่านอัลมูซาเราะห์ด้วย

“อามีน นิเมอร์” (Ameen Nemer) ซึ่งเป็นอดีตชาวเมืองนี้บอกกับสำนักข่าวมิดเดิ้ลอีสต์อายว่า เขาหวั่นว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียกำลังเตรียมขยายการกวาดล้างชนกลุ่มน้อยมุสลิมชีอะห์ในภูมิภาคนี้ “พวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ในอะวามิยะห์” เขากล่าว

การต่อสู้ที่ “กอตีฟ”

ความตึงเครียดปะทุขึ้นในจังหวัดนี้เมื่อมีรายงานเกี่ยวกับแผนรื้อถอนและปรับปรุงย่านอัลมูซาเราะห์ ซึ่งรัฐบาลอ้างว่ากำลังถูกใช้ประโยชน์โดยมือปืนติดอาวุธ และอย่างน้อยมีประชาชน 12 คนที่คาดว่าถูกสังหารในความรุนแรงนี้

เมื่อวันจันทร์ (7 ส.ค.) ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวโปรรัฐบาล al-Sharq al-Awsat รายงานว่า ชาย 2 คน จาก 23 คนในบัญชีผู้ก่อการร้ายที่ออกโดยกระทรวงมหาดไทยของซาอุดีอาระเบียได้เข้ามอบตัว

รายงานระบุว่า ชายสองคนนี้ซึ่งถูกระบุว่าชื่อ “รามซี เอ็ม อัล-ยัมมาล” และ อาลี เอช อัล-เซด” ได้สมัครใจเข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่

เว็บไซต์ดังกล่าวรายงานด้วยว่า 23 บุคคลในบัญชีนี้ 8 คนได้เข้ารายงานตัว ขณะส่วนที่เหลือถูกสังหารตาย โดยมีอีก 3 คนที่ยังหลบหนี

ชาวบ้านในท้องถิ่นบอกกับรอยเตอร์ว่า มีตำรวจ 3 คนและพลเรือน 9 คนถูกสังหารในเหตุปะทะกัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากในการที่จะตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีผู้เสียชีวิตถึง 24 รายแล้ว

เป็นเวลานานแล้วที่เขตอะวามิยะห์เป็นจุดปะทุในการประท้วงของมุสลิมชีอะห์ชนกลุ่มน้อยของประเทศซาอุดิอาระเบีย – โดยการนำของ “นิมร์ อัล-นิมร์” (Nimr al-Nimr) นักการศาสนาผู้ซึ่งถูกประหารชีวิตโดยรัฐบาลซาอุฯ ในปี 2016

ทั้งนี้การยืนยันรายละเอียดที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ในกอตีฟนั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสื่อถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย

รอยเตอร์รายงานเมื่อต้นปีนี้ว่า สื่อต่างชาติสามารถเข้าพื้นที่ได้เฉพาะในกรณีที่พวกเขามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย

ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากข่าวประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย นักเคลื่อนไหวท้องถิ่น หรือเว็บไซต์ข่าวที่เน้นเรื่องมุสลิมชีอะห์

https://twitter.com/Temimi_Yusra/status/893983520464531456

นักเคลื่อนไหวในท้องถิ่นกล่าวหาว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยผลักดันประชาชนออกจากเขตอะวามิยะห์ โดยการยิงแบบสุ่มไปยังบ้านและรถยนต์เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ ขณะที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้

พวกเขากล่าวว่า บ้านและร้านค้าหลายหลังถูกเผาหรือเสียหายจากการต่อสู้ ไฟฟ้าถูกดับในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเอกชนได้รับความเสียหาย รวมทั้งการงดจ่ายน้ำประปา บริการดับเพลิง และการเก็บขยะ

การขาดบริการสาธารณะทำให้กลุ่มอาสาสมัครชุมชนในท้องถิ่นต้องออกมาเก็บขยะกันเอง

ประชาชนหลายร้อยคนถูกอพยพหรือบังคับขับไล่ออกจากบ้านเรือนรอบพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งพื้นที่รอบนอกของเขตอะวามิยะห์ ของจังหวัดกอตีฟ

“ปัญหาคือหลังจากที่พวกเขารื้อทำลายย่านอัลมูซาเราะห์ ผมไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดที่สามารถปักหลักอยู่ในภูมิภาคนี้ได้” อามีน นิเมอร์ กล่าวและว่า “ผมไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แต่ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อก่อน”

‘ดื้อดึงและผันผวนอย่างยิ่ง’

นาบิห์ อัลอิบรอฮีม (Nabih Alibrahim) อดีตสมาชิกสภาเทศบาลเมืองและวิศวกรผู้ดูแลโครงการอัลมูซาเราะห์ ถูกลอบสังหารหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลังแผนงานของเมืองได้รับการขับเคลื่อน

ตามรายงานของเว็บไซต์อัลอะราบิยาซึ่งโปรรัฐบาลระบุว่า อัลอิบรอฮีมถูกยิงที่หลังและขาในเดือนมีนาคม และในเดือนมิถุนายนบ้านของเขาถูกลอบวางเพลิง

แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นชีอะห์เมืองกอตีฟ อัลอิบรอฮีมก็ได้วิจารณ์เรื่อง “”อนุรักษนิยมทางศาสนา” ของเขตอะวามิยะห์มานานแล้ว และชี้ให้เห็นว่าความตึงเครียดนั้นเดือดปะทุอยู่ใต้พื้นผิวมานาน

ในเอกสารลับทางการทูตปี 2006 ซึ่งถูกนำมาเผยแพร่โดย “วิกิลีกส์” อัลอิบรอฮีมได้เคยเตือนว่า เขตอะวามิยะห์ (ซึ่งเขากล่าวว่าชาวบ้านเรียกที่นี่แบบติดตลกว่า “ฟัลลูจาห์”) นั้น “ดื้อดึงและผันผวนอย่างยิ่ง” มากกว่าเมืองอื่นๆ ในกอตีฟ

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า สถานีตำรวจแห่งเดียวในอะวามิยะห์นั้นไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ และสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นทั้งหมดไปตั้งอยู่ในซัฟวา (Safwa) เมืองใกล้เคียง

อะลีอิบรอฮีมยังได้วิจารณ์เชค นิมร์ แม้เขาจะอธิบายว่าเชค นิมร์ เป็น “เพื่อนบ้านและเพื่อนของผม”

“แต่เราเข้าสู่สิ่งที่ต่างกันมาก” เขาพูดกับนักการทูตอเมริกันในระหว่างเดินทางมาที่เมืองนี้

“เขาออกมาพูดต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรงและแม้กระทั่งกับซุนนี ส่วนผมชอบวิธีการทางการทูตมากกว่า”

https://twitter.com/BH_14DETAINEES/status/894175762374418432

แอนดรู แฮมมอนด์ ที่ปรึกษาด้านการเมืองตะวันออกกลางกล่าวว่า การลบล้างอะวามิยะห์ อาจเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านประชากรศาสตร์ของชีอะห์ในภูมิภาคนี้ของซาอุดีอาระเบีย

“มันลงตัวกับแบบแผนดังกล่าว” เขาบอกกับสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย “มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอ่าว ในบาห์เรน มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกประเทศอ่าว ในกรณีอิสราเอล-ปาเลสไตน์”

“ผมคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่จะวิเคราะห์ในทางนั้น”

เขาเสริมว่าการสู้รบยังเป็น “การเบี่ยงเบนความสนใจ” จากความวุ่นวายทางการเมืองในพระราชวังซาอุดีอาระเบียหลังจากที่มีการแต่งตั้ง “เจ้าชายมูฮัมหมัด บินซัลมาน” โอรสวัยเยาว์ของกษัตริย์ปัจจุบัน มาแทนที่ “เจ้าชายมูฮัมหมัด บินนาเยฟ” ในตำแหน่งมกุฎราชกุมาร

“ผมคิดว่า สถานการณ์มีความซับซ้อนมากกว่าที่พวกเขาวาดหวังจะให้เป็น – ผมคิดว่า มีการต่อต้านบางอย่างต่อเรื่องนี้ มีความกังวลใจเกี่ยวกับความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นว่าถึงระดับใด อันนำมาซึ่งการกักตัวที่ทำให้ [บินนาเยฟ] ไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งที่เขาตั้งใจจะออกจากประเทศ” เขาอธิบาย

“ดังนั้นผมคิดว่านี่คือความตึงเครียดทางการเมืองของประเทศในขณะนี้ และการต่อสู้กับชีอะห์ก็มีประโยชน์สำหรับพวกเขาในแง่นี้”

 

แปล/เรียบเรียงจาก http://www.middleeasteye.net