ยุทธ์ศาสตร์ใหม่ ของ “วลาดิเมียร์ ปูติน”

photo : sputnik

การก้าวเข้ามามีบทบาททางทหารในตะวันออกกลางครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกของรัสเซีย จากในอดีตตอนสงครามใหญ่ระหว่างอาหรับกับอิสราเอล โซเวียตก็เคยให้การสนับสนุนด้านอาวุธมาแล้ว  

การเข้ามาปกป้องซีเรียตามคำร้องขอของรัฐบาล “บาชาร์ อัลอัสซาด” ในการกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย เป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงและทำลายผลประโยชน์ของสหรัฐและพันธมิตรในตะวันออกกลาง ทั้งเป็นการเข้ามาปกป้องปฏิสัมพันธ์ทางการทหารที่มีมายาวนานระหว่างทั้งสองชาติ ภายหลังคำแถลงการณ์ในสหประชาชาติช่วงเดือนกันยายนของปูติน โดยรัสเซียไม่อาจจะทนสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้  รัฐบาลมอสโกตระหนักถึงสิ่งที่ถึงเวลาต้องทำ

คำแถลงการณ์ของ วลาดิเมียร์ ปูติน เป็นการตั้งคำถามให้คนอเมริกันหรือคนทั้งโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกตะวันตกผู้เริ่มต้นห่วงโซ่แห่งสงครามที่ยาวนาน นับตั้งแต่สหรัฐฯบุกอิรักในปี 1991 จนถึงปัจจุบัน ความเหนื่อยล้าของคนอเมริกันกับสงครามที่ยาวนาน การสร้างพฤตินัยรัฐก่อการร้ายให้เกิดขึ้นในภูมิภาค ผู้นำรัสเซียได้แสดงถ้อยคำที่นิ่มนวลชวนคิด ถึงการรุกรานอัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย จนเกิดการแปรเปลี่ยนมาสู่รัฐอิสลามไอซิส (IS)

ความพยายามที่แสดงออกจากประสบการณ์การประสานอำนาจที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย การต่อสู้ที่สร้างความเข้าใจให้ชาวโลกได้เห็น การเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์เครื่องบินรบล้ำสมัย การโจมตีจากเรือรบที่จอดอยู่ในทะเลสาบแคสเปียน ยิงข้าม อิรัก อิหร่าน เพื่อเป้าหมายในการโจมตี กลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย การเข้ามาปกป้องซีเรียที่สร้างความหมายบางอย่างนั่นคือเพื่อเปลี่ยนเกมและทำลายเป้าประสงค์ของพลังอำนาจตะวันตก….

สิ่งที่จะเป็นความผิดผลาดอย่างใหญ่หลวงหากรัสเซียไม่ให้ความช่วยเหลือ ผลร้ายที่จะตามมาคือซีเรียคงจะเป็นอย่างอิรักหรือลิเบีย เพราะในเวลานี้การสู้รบแย่งชิงพื้นที่ ระหว่างกองกำลังของ อัสซาด กับกลุ่มต่อต้าน กำลังต่อสู้กันแบบตาต่อตา

คำวิพากษ์ของปูติน พูดถึงการบุกและยึดครองอิรักโดยสหรัฐอเมริกาในปี 2003 การกระทำที่ผิดผลาดของรัสเซียเกี่ยวกับ No fly zone ในลิเบีย หลายสิ่งที่ตอกย้ำเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงทางการทหารของตะวันตกในลิเบียและอิรัก  ทุกอย่างเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางเพื่อสร้างพื้นที่ อนาธิปไตยที่เต็มไปด้วยการนองเลือด และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรียก็เช่นกัน สิ่งที่สหรัฐกับพันธมิตรกำลังปฎิบัติเสมือนเพาะบ่มความรุนแรงให้เกิดขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของตน

คำแถลงการณ์ที่ทอฝันของผู้นำสหรัฐยังคงพูดถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เกิดขึ้นในซีเรีย ความกระตือรือร้นที่ไม่ได้คำนึงถึงความทุกข์ทรมานของผู้คนในซีเรีย โอบามา ยืนยันว่า อัสซาดจะต้องลงจากอำนาจ มีการใช้เวลาพอสมควรในการวิจารณ์ผู้นำซีเรีย แต่ไม่มีการพูดถึงการใช้ระเบิดแบบปูพรมของซาอุดิอาระเบียในการโจมตีเยเมนโดยมีผู้เสียชีวิตนับร้อยที่เป็นพลเรือนในช่วงปลายเดือนกันยายน สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียกระทำถูกกล่าวประณามจากนักสิทธิมนุษยชนทั้งโลก กรณีผิดพลาดยิงใส่พลเรือนในเหตุการณ์ไม่กี่วันหลังจากเครื่องบินสหรัฐทิ้งระเบิดผิดพลาดถล่มโรงพยาบาลในอัฟกานิสถานในเมือง Kunduz ช่วงปลายเดือนกันยายน เหล่านี้ล้วนไม่ถูกพูดถึง

รัสเซียได้ตัดสินใจใช้กำลังโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอซิสภายหลังการประชุมระหว่างโอบามาและปูติน การกระทำของรัสเซียสร้างความประหลาดใจ และสิ่งที่ได้ทำไปนั้นรัสเซียตระหนักดีว่ามันอาจจะเป็นการเปลี่ยนเกม เพราะโอกาสและเวลาของรัสเซียจะต่างจากโลกตะวันตกในเรื่องของการตัดสินใจและการแยกแยะ รัสเซียรู้ดีในสิ่งที่สหรัฐและพันธมิตรร่วมสมคบคิด เช่น กรณีสหรัฐและตุรกีต่อการจับจองอนาคตทางการเมืองในการล้มล้างประธานาธิบดี บาชาร์ โดยตุรกีให้การช่วยเหลือสหรัฐในเรื่องฐานทัพที่อยู่ใกล้ชายแดนซีเรีย ตุรกีได้กระทำทุกวิธีทางที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เช่น การโจมตีฐานที่มั่นชาวเคิร์ดภายในประเทศอิรัก และซีเรีย

แผนการโจมตีของซีเรียในการกำหนดเป้าหมายไปยังอัลนุสรา (al-nusra) ซึ่งเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์ในซีเรีย และ อะฮฺรอรฺ อัล-ชาม (Ahrar al-Sham) กลุ่มเหล่านี้สร้างฐานที่มั่นและเคลื่อนไหวเข็มข้นตามแนวตระเข็บชายแดนตุรกี กระทรวงกลาโหมของสหรัฐได้กล่าวประณามรัสเซียต่อการโจมตีในซีเรีย เป็นเสมือนกับน้ำมันเบนซินที่ไหลผ่านไฟ เพราะนั่นเป็นเพียงคำพูดที่พยายามกลบเกลื่อนความจริงต่อเรื่องที่สหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาคได้แอบสมคบคิดกันมา สิ่งที่ทำให้สหรัฐโกรธเคืองมากที่สุดคือการโจมตีเป้าหมายกบฏซีเรีย FSA (Free Syrian Army) ที่สหรัฐฝึกซ้อมและติดอาวุธให้นับหมื่นคน โดยได้รับการสนับสนุนจากซีไอเอ (CIA) และกำลังเกิดความหวาดกลัวกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของกองทัพอากาศรัสเซีย  ถึงขนาดมีคำเตือนจากสหรัฐถึงการโจมตีว่ารัสเซียกำลังจะติดโหลดสงคราม วุฒิสภาสหรัฐได้กล่าวว่า สหรัฐควรที่จะยิงเครื่องบินรัสเซีย ฮิลลารี คลินตัน พูดถึงความพยายามสร้างเขตห้ามบินในซีเรีย เธอมีส่วนเกี่ยวข้องเพราะมีบทบาทสำคัญในการล้มล้างกัดดาฟี

ฉะนั้นสิ่งที่เห็นและความหมายของสงครามของรัสเซียในครั้งนี้ หากทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะเห็นความเจ็บปวดที่ เกิดจากน้ำมือของมหาอำนาจตะวันตกกระทำไว้ ความสัมพันธ์ฉันมิตรในปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียกับซีเรียเป็นการเข้ามาปกป้องตะวันออกกลางไม่ให้ถูกทำลายที่มิใช่เพียงแค่หนึ่งหรือสองประเทศเท่านั้น การโจมตีในหนึ่งสัปดาห์แรกประสบความสำเร็จมากกว่าการโจมตีทางอากาศที่ใช้เวลาอันยาวนานของสหรัฐและพันธมิตร ปฎิบัติการของรัสเซียประสบผลสำเร็จและได้รับการสนับสนุนในวงกว้าง การโจมตีของรัสเซียได้เข้าทำลายเกมของตะวันตกด้วยการโจมตีที่พุ่งเป้าไปยังกลุ่มก่อการร้าย โดยมิได้มีการปกป้องและดำรงรักษาเพื่อเกมผลประโยชน์ เพราะหากความพ่ายแพ้มาถึงรัฐบาลอัสซาดเมื่อไหร่ ภัยพิบัติที่ร้ายแรงจะเกิดขึ้นกับทุกคน กองทัพซีเรียคงจะเรียกคืนดินแดนที่ถูกยึดครองในเร็วๆ นี้ และรายงานที่ชัดเจนว่าอิหร่านให้การสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือกองทัพซีเรีย ส่วน ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ พยายามที่จะขัดขวางความก้าวหน้าของกองทัพซีเรีย โดยจัดหาทหารรับจ้าง ส่งอาวุธ นักสู้จากต่างประเทศให้หลั่งไหลเข้าไปในซีเรียมากขึ้น  ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นักสู้จากต่างชาติประมาณ 30,000 คน ได้รับการสนับสนุนการเงินจากตุรกี กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย

นับตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ผู้นำตะวันตกออกแถลงการณ์และวิจารณ์การโจมตีทางอากาศของรัสเซียโดยมีการเรียกร้องให้รัสเซียจำกัดการกระทำของตนเอง แต่ภารกิจของรัสเซียครั้งนี้จะคงเวลาเอาไว้สี่เดือน ซึ่งนั่นคงจะทำให้เหล่าบรรดากลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรียภายใต้การดูแลของ CIA ที่สหรัฐเป็นห่วงเป็นใย คงจะตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่แท้!!

—-
ข้อมูล : Indian magazine