โดย อุสตาซอับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
shukur2003@yahoo.co.uk
วันวาเลนไทน์ คือ วันพิเศษวันหนึ่งสำหรับสังคมไทยโดยเฉพาะวัยรุ่น จากการสำรวจในปี 2554 พบว่า มีประชาชนโดยทั่วไปที่เห็นว่าวันวาเลนไทน์ไม่ใช่วันพิเศษเกินกว่าครึ่ง นั่นคือ ร้อยละ 60.4 โดยมีเพียงร้อยละ 39.5 ที่เห็นว่าวันวาเลนไทน์คือ วันที่พิเศษ(ที่มา : สำรวจสถานการณ์ทางเพศของเยาวชนไทยในวันวาเลนไทน์, 2554 เอแบคโพลล์ และ “มิติใหม่” ที่ประชาชนอยากเห็นในวันวาเลนไทน์,2554 สวนดุสิตโพลล์) แต่การเสียตัวยังคงเป็นปัญหาอันดับหนึ่งที่น่าเป็นห่วง
สิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นกังวลมากที่สุดว่าอาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลนี้ คือ การล่วงละเมิดทางเพศโดยเฉพาะการเสียตัวร้อยละ 32.7 รองลงมาคือ อบายมุขโดยเฉพาะยาเสพติด ร้อยละ 22.06 การเกิดอุบัติเหตุ ร้อยละ 13.12 ปัญหาอาชญากรรม ร้อยละ 7.73 และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ร้อยละ 4.39 (ที่มา“มิติใหม่” ที่ประชาชนอยากเห็นในวันวาเลนไทน์,2554 สวนดุสิตโพลล์)
ในขณะที่การมีคู่นอนหลายๆ คนพร้อมกันไม่ควรทำ และเห็นด้วยกับเรื่องผู้ชายควรรับผิดชอบต่อการทำแท้ง
การสำรวจเยาวชนมีความเห็นว่า สิ่งที่ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่งคือ การมีคู่นอนพร้อมกันหลายๆ คน ร้อยละ 90 การเลือกเอาวันวาเลนไทน์เป็นวันที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนรัก ร้อยละ 85 และการสนับสนุนให้การทำแท้งเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย ร้อยละ 74 (ที่มา : การสำรวจเยาวชนกันวันวาเลนไทน์, 2554 กรมควบคุมโรค)
ผลการสำรวจของโพลล์ต่างๆ ที่ลงลึกไปถึงโอกาสในการเสียตัว และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น พบว่า ร้อยละ 25 ยอมมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักในวันวาเลนไทน์ ในขณะที่ร้อยละ 16.9 เลือกเอาวันวาเลนไทน์เป็นช่วงที่จะทำให้ตนเองตัดสินใจยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อจากโรคทางเพศสัมพันธ์ เพราะไม่มีการป้องกันตนเอง ยกตัวอย่างเช่น สวมถุงยางอนามัยเป็นบางครั้ง หรือไม่สวมเลย ถึงร้อยละ 80.3 ( แหล่งที่มา : – World Health Organization, ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย)
จากปัญหาดักล่าวพบว่าองค์พัฒนาเอกชนหรือองค์กรอิสระเช่นมูลนิธิหญิงชาย สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.เสนอภาครัฐเร่งแก้ทัศนคติวัยรุ่นไทยต่อวันวาเลนไทน์ แก้ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เปลี่ยนมุมมองนิยามความรักใหม่ให้กับวัยรุ่นในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยให้มองว่าความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่ควรเป็นการให้เกียรติผู้หญิง มองความรักเป็นเรื่องบริสุทธิ์ เอื้ออาทรต่อกัน และไม่จำเป็นต้องตอบแทนความรักด้วยการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ได้ชี้แนะให้หน่วยงานต่างๆ สร้างความรู้ความเข้าใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นมากกว่าเน้นสอดส่องตามโรงแรม
และในปี2558 นี้องค์กรพัฒนาเอกชนรวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดตั้งตู้ถุงยางอนามัย ในห้องน้ำของสถานศึกษาซึ่งมีนักเรียนระดับมัธยมต้นขึ้นไป โดยเชื่อว่า จะสามารถลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
สำหรับหลักการอิสลามนั้นยอมรับในเรื่องของความรักเพราะความรักนี้เป็นสัญชาตญาณที่อัลลอฮฺ ประทานให้แก่มนุษย์
ความรักฉันหนุ่มสาวก็เช่นกันอิสลามก็มิได้ปฏิเสธแต่ควรอยู่ในกรอบของหลักการศาสนา หากความรักนั้นเกินพอดีความรักนั้น ก็จะทำให้คนตาบอดหรือกลายเป็นโคถึกไปด้วยเหตุนี้อิสลามจึงได้กำหนดขอบเขตว่า หญิงและชายมุสลิมจะต้องแต่งงานก่อนมีเพศสัมพันธ์ (เซ็กซ์) เพราะหากมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานจะนำไปสู่การล่มสลายทางสังคมอย่างแน่นอน
ความเป็นจริงเช่นกันคือความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมิอาจปฏิเสธได้ดังนั้นทางสายกลางคือความสัมพันธ์ชายหญิงต้องผ่านการแต่งงาน ในหลักศาสนาได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานไว้อย่างมาก บรรดาอัครสาวกศาสนทูตมูฮัมมัดได้เคยถามท่านไว้ความว่า “โอ้ เราะซูลุลลอฮฺ (ศาสทูตมุฮัมมัด) การที่คนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเราได้สนองตอบต่ออารมณ์ใคร่ของตัวเขาเอง สำหรับเขาแล้วมีรางวัลด้วยหรือ?”
ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม กล่าวตอบว่า “ท่านไม่เห็นดอกหรือว่า หากว่าเขาได้นำอารมณ์ใคร่ไปสู่สิ่งต้องห้าม เขาต้องแบกรับความผิดเนื่องจากมันมิใช่หรือ ? ทำนองเดียวกันเมื่อเขานำมันไปสู่สิ่งที่อนุมัติ เขาก็ย่อมได้รับรางวัล” (บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม)
อีกบทหนึ่งบันทึกโดยอิหม่ามอัล บุคอรี เมื่อเศาะฮาบะฮฺ(สหายศาสนฑูต)กลุ่มหนึ่งที่พูดคุยกันในเรื่อง “ความดี” ในศาสนา คนหนึ่งกล่าวว่า “สำหรับฉัน ฉันทำละหมาดในเวลากลางคืนเสมอ” อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันไม่ยุ่งกับผู้หญิง ฉันจะไม่แต่งงาน” ท่านเราะซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะ ซัลลัม กล่าวทักท้วงว่า “ฉันเป็นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺที่สุดในหมู่พวกท่าน แต่ฉันก็ถือศีลอดและละศีลอด ฉันละหมาดและฉันก็นอน และฉันก็แต่งงานกับผู้หญิง ใครก็ตามที่รังเกียจวิถีชีวิตของฉัน ก็ไม่ใช่พวกฉัน”
หากมองอย่างผิวจะพบว่าเซ็กซ์เสรีกับการมีเพศสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานน่าจะถือว่าเป็นการตอบสนองอารมณ์ใคร่ของมนุษย์ที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง “ดี” อะไรเลย แต่จากหลักการของศาสนาและจุดยืนของศาสนฑูตพบว่าเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจปฏิเสธได้แต่เซ็กซ์เสรี การมีเพศสัมพันธ์ทำให้ท้องก่อนแต่งหรือไม่เป็นความสัมพันธ์ที่ถูกปฏิเสธจากหลักการศาสนาในขณะที่ เพศสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานถือเป็น “ความดี” ด้วยการกำหนดให้การแต่งงานเป็นคุณธรรม
ทำไมเพศสัมพันธ์ต้องผ่านการแต่งงาน ? สาเหตุที่อิสลามสนับสนุนการแต่งงานเพราะว่าการแต่งงานเป็นการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ซึ่งเป็นอิฐก้อนแรกของสังคมและอิสลามก็ต้องการที่จะรักษาก้อนอิฐทุกก้อนไว้ไม่ให้แตกสลาย ทั้งนี้เพื่อที่สังคมจะได้ไม่พังทลายลง
ในอิสลามชีวิตมิได้จบแค่บนโลกนี้แต่ความตายเป็นเพียงการเริ่มต้นชีวิตจริงที่ถาวร หัวหน้าครอบครัวนอกจากจะมีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัวแล้ว ยังมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องตัวเองและครอบครัวให้พ้นจากไฟนรก การแต่งงานในทัศนะของอิสลามคือการผูกพันชีวิตชายหญิงคู่หนึ่งเข้าด้วยกัน เหมือนกับการผูกเส้นด้ายสองเส้นเข้าด้วยกัน
ความจริงที่ต้องยอมรับอีกเหตุผลหนึ่งคือ ตราบใดที่ผู้คนในสังคมได้ทำลายกรอบที่ควบคุมดุลยภาพของความสัมพันธ์ระหว่างเพศทิ้งไป และได้ปล่อยให้สังคมยังเป็นไปตามอิสระตามแต่อารมณ์ฝ่ายต่ำของมนุษย์จะลากไปแล้ว โอกาสที่คนหนุ่มคนสาวจะตกเป็นเหยื่อจะมีมากกว่าที่จะรอดพ้นมาได้
ตราบใดที่ต้นเหตุของปัญหายังไม่ถูกแก้ไข สังคมของเราก็จะต้องเผชิญกับปัญหาที่ติดตามมาเหมือนลูกโซ่ ตราบใดที่เราไม่เข้าใจแบบแผนของการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงตาแนวทางสายกลางแน่นอน เราก็ไม่อาจสกัดปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้
ปัญหาเหล่านี้กำลังรุกลามอย่างรวดเร็วในเมืองใหญ่ๆและสักวันหนึ่งอาจจะเข้า ชนบทไทยอย่างง่ายได้ก็เป็นได้เพราะความเจริญด้านวัตถุแบบสุดโต่ง จนลืมการพัฒนา ด้านจิตใจ คุณค่าด้านจิตวิญญานและขาดความเข้าใจของคำว่า มนุษย์ว่าจะต้องพัฒนา ทั้ง 2 ภาค ส่วน ทั้งทางด้านกายและจิตใจ ควบคู่กันไปอย่างสมดุลย์หากพัฒนาด้านหนึ่ง ด้านใดมากกว่าชีวิตมนุษย์ก็ไม่สมบูรณ์และสมดุลย์
ปัญหาของวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศคงจะไม่ถึงขั้นนี้หากทุกคนอยู่ในกรอบทาง ศาสนา เพราะบทบัญญัตของศาสนาไม่ว่าพุทธหรืออิสลาม ก็ห้ามในเรื่อง ผิดประเวณี
การผิดประเวณีเป็นการทำผิดในศีล 5 , การซีนา (ผิดประเวณี ในอิสลาม) ถือเป็นบาป ใหญ่
ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ควรจะรณรงค์ คือ คุณค่าของคุณธรรม จริยธรรม และ การ ปฏิบัติตามหลักศาสนาที่ตนนับถือ โดยปลูกฝังเป็นรูปธรรมควบคู่กับวิชาการในสถาน ศึกษาในทุกระดับทั้งประถม มัธยมและมหาวิทยาลัย สุภาษิตของผู้เฒ่าคนโบราณจะต้อง ช่วยรณรงค์ให้มากขึ้นในสังคมในเรื่องความรักเนื้อสงวนตัว ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก
ขอย้ำเตือนสำหรับสุภาพสตรีอย่าหลงเสียเอกราช พื้นที่ที่เรารักและสงวนมากที่สุดกับอริราชศัตรูที่เป็นผู้ชายหน้าตัวเมีย ที่พยายามพูดและหลอกเราด้วยคำหวานๆว่า ถ้าน้องรักพี่จริงก็ต้องยอมนอนกับพี่ในค่ำคืนวันวาเลนไทน์ (Valentine)