กรมศาสนาแนะให้ผู้แสวงบุญติดตามการแพร่ระบาดของไวรัสคล้าย SARS ในซาอุดีอาระเบีย
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย แจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ แจ้ง ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่ของไวรัสคล้าย SARS ในซาอุดีอาระเบีย เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและเฝ้าระวังสำหรับชาวไทยมุสลิมที่จะเดิน ทางไปประกอบพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดีฯ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รายงานว่ายังคงมีการติดเชื้อไวรัส Middle East Respiratory Syndrome (MERS) หรือ Coronavirus (CoV) รายใหม่เกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียอย่างต่อเนื่อง โดยยอดผู้ติดเชื้อฯ ล่าสุด ๖๗ ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว ๓๘ ราย และในจำนวนนี้มีการติดต่อจากคนสู่คนในสถานพยาบาล ที่พักอาศัยและสถานที่ทำงาน แต่ยังไม่มีรายงานว่ามีการระบาดในชุมชน
๒. กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีฯ ได้ออกประกาศว่าด้วยระเบียบเกี่ยวกับสุขอนามัยสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์ในปีนี้ โดยขอให้บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้ควรเลื่อนการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ได้แก่
๒.๑ ผู้สูงอายุ (อายุ ๖๕ ปีขึ้นไป)
๒.๒ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคที่เกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจ โรคไต และโรคระบบทางเดินหายใจ
๒.๓ สตรีมีครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า ๑๒ ปี ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันและผู้ที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงและมีอาการขั้นสุดท้าย
๓. ระเบียบดังกล่าวได้แนะนำให้ผู้ที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ปฏิบัติตนให้ สอดคล้องกับมาตรการลดการแพร่ของโรคระบาดด้านทางเดินหายใจ ได้แก่ (๑) ล้างมือด้วยสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีอาการไอ จามและอาเจียน (๒) การใช้ทิชชูปิดปากเมื่อไอหรือจาม และทิ้งลงถังขยะทันที (๓) ลดการใช้มือสัมผัสตา จมูก ปาก และสวมหน้ากากอนามัย (๔) หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้มีมีอาการติดเชื้อ และไม่ใช้ของร่วมกันกับบุคคลเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกของประเทศ ซาอุดีอาระเบีย และยังไม่มีการติดเชื้อหรือระบาดในเมืองมักกะห์หรือเมืองมะดีนะห์ ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแต่ประการใด ทั้งนี้ ขอให้ชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีนี้ได้ ติดตามข่าวการแพร่ของไวรัส ดังกล่าวต่อไป