องค์กรและนักวิชาการมุสลิมไทยแถลงการณ์ “ประณาม” อิสราเอลปิดล้อมมัสยิดอัลอักซอ

องค์กรมุสลิมและนักวิชาการไทยนำโดย ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม ศ.ดร.อิมรอน มะลูลีม และนายมุข สุไลมาน ออกแถลงการณ์ประณามกรณีอิสราเอลปิดล้อมมัสยิดอัลอักซอห้ามชาวปาเลสไตน์เข้าละหมาด

เมื่อวันศุกร์ ที่ 21 กรกฎาคม 2560 เวลาประมาณ 15.30 น. ที่โรงแรมอัลมีรอซ ถนนรามคำแหง กรุงเทพฯ นักวิชาการ องค์กรและสื่อมุสลิมนำโดย ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศ.ดร.อิมรอน มะลูลีม และอดีตอาจารย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายมุข สุไลมาน อดีตส.ส.ปัตตานี ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามกรณีอิสราเอลปิดล้อมมัสยิดอัลอักซอไม่ให้ชาวปาเลสไตน์เข้าไปละหมาด

ทั้งนี้แถลงการณ์ประณามดังกล่าวถูกอ่าน 3 ภาษา โดยนายมุข สุไลมาน อ่านแถลงการณ์ภาษาไทย  ศ.ดร.จรัญ มะลูลีม อ่านภาษาอังกฤษ และอ.มิกด๊าด วงศ์เสนาอารีย์ อ่านภาษาอาหรับ ซึ่งมีเนื้อหาและองค์กรที่ลงนามดังนี้

แถลงการณ์ประณามการปิดมัสยิดอัลอักซอ

กรณีการปิดมัสยิดอัลอักซอ ห้ามมุสลิมเข้าเพื่อละหมาดวันศุกร์เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่ามา ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจอีกครั้ง จากการกระทำของรัฐบาลไซออนิสต์อิสราเอล ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดอีกครั้งหนึ่งในวันอาทิตย์ แต่มุสลิมปาเลสไตน์ก็ยังปฏิเสธที่จะเข้าไปทำกิจกรรม เพื่อเป็นการประท้วงมาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่ของรัฐบาลไซออนิสต์อิสราเอล ซึ่งเพิ่มความเข้มงวดจนเข้าข่ายละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของมุสลิมชาวปาเลสไตน์ในการใช้มัสยิดอัลอักซอเพื่อปฏิบัติศาสนกิจ

มัสยิดอัลอักซอเป็นศาสนสถานที่สำคัญอันดับสามของอิสลาม รวมทั้งเขตเมืองเก่าที่เป็นศาสนสถานสำคัญของทั้งศาสนาคริสต์และศาสนายูดาย ซึ่งได้รับการยอมรับจากตัวแทนของศาสนาทั้งสามมาโดยตลอด จนกระทั่งหลังสงคราม 6 วัน ใน ค.ศ. 1697 รัฐไซออนิสต์อิสราเอลซึ่งพยายามผนวกกรุงเยรูซาเล็มเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวในฐานะเมืองหลวง ก็สร้างปัญหาความขัดแย้งในกรุงเยรูซาเล็มและมัสยิดอัลอักซออยู่ตลอดเวลา

การเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของรัฐไซออนิสต์อิสราเอล เช่นการเพิ่มแผงเหล็กและเหล็กกั้นทางเข้าที่สามารถผ่านเข้าทีละคนนั้น เป็นการสร้างความกดดันให้กับผู้ที่เดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจ ณ มัสยิดอัลอักซอ โดยในระยะเวลาที่ผ่านมาชาวปาเลสไตน์ก็ได้รับความกดดันจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่รัฐไซออนิสต์อิสราเอลสร้างขึ้นอยู่แล้ว ไมว่าจะเป็นการขับไล่ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและทำลายทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์ การตัดน้ำตัดไฟ การตั้งด่านตรวจตลอดจนการโจมตีทำร้ายชาวปาเลสไตน์ในโอกาสและสถานที่ต่างๆ รวมทั้งการสร้างกำแพงสูงซึ่งเป็นเสมือนกำแพงเรือนจำกักขังชาวปาเลสไตน์ให้หมดอิสรภาพและขาดสิทธิอันชอบธรรมในฐานะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง นอกจากนี้ยังขอเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์โดยคำนึงถึงสิทธิอันชอบธรรมของชาวปาเลสไตน์ในฐานะเจ้าของแผ่นดิน

จากสภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด จนกระทั่งดำเนินมาถึงกรณีการปิดมัสยิดอักซอ และนำไปสู่การปะทะระหว่างตำรวจของรัฐไซออนิสต์อิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ในนามของสมาพันธ์องค์กรและสื่อมุสลิมไทยขอเรียกร้องให้รัฐไซออนิสต์อิสราเอลยุติการกระทำดังกล่าว และเคารพมติของสหประชาชาติทั้งในส่วนของคณะมนตรีความมั่นคงและสมัชชาใหญ่ของสหประชาชาติ

อีกทั้งขอเรียกร้องไปยังโลกอาหรับและอิสลามให้ยุติปัญหาความขัดแย้งภายในในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางศาสนาหรือการเมือง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความอ่อนแอขึ้นในประชาชาติอิสลาม อันเป็นเหตุให้ประชาชาตินี้ต้องตกอยู่ภายใต้การเหยียบย่ำของศัตรูผู้ประสงค์ร้าย ซึ่งการยึดครองแผ่นดินปาเลสไตน์มาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษจนถึงบัดนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันถึงภัยที่ติดตามมาจากความแตกแยกในประชาชาติได้เป็นอย่างดี

รายชื่อองค์กรที่ร่วมลงนาม

1. PSC. (Palestine solidarity Campaign)

2. สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิลาม

3. องค์กรเพื่อสันติภาพและสิทธิมนุษยชน

4. สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมุสลิมแห่งอัลลิการ์

5. สมาพันธ์อัลกุดส์แห่งประเทศไทย

6. มูลนิธิรักษ์ท้องถิ่นเพื่อการพัฒนาฯ

7. .กลุ่มเยาวชนฮัยดารี สวนพลู

8. หนังสือพิมพ์ M TODAY

9. หนังสือพิมพ์เดอะพับลิกโพสต์

10. หนังสือพิมพ์มุสลิมนิวส์

11.ชมรมนักกฎหมายมุสลิม (ประเทศไทย)