ภาพโดย JoRInTeRPhotographer
โดย :อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา Shukur2004@chaiyo.com
“มวล การสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความจำเริญและสันติจงประสบแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน”
ผู้ เขียนได้รับการ ขอร้องจากนายรอเส็ต เบ็ณแหละแหนะ นายกสมาคมตาดีกาจังหวัดสงขลาให้ช่วยเขียนบทความเรื่องอดีต ปัจจุบันและอนาคตฟัรดูอีนจังหวัดสงขลาเพื่อสะท้อนและข้อเสนอแนะต่อสถาบันที่ เปิดสอนฟัรดูอีนในจังหวัดสงขลา
ครับ….การ ศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อมวลมนุษยชาติ เพราะการศึกษาเปรียบเสมือนดวงประทีปส่องนำชีวิต เป็นประตูของความสำเร็จ และเป็นกุญแจแห่งอารยธรรม ดังนั้นจึงไม่มีประชาชาติใดในโลกอันกว้างใหญ่นี้ที่ปฏิเสธความสำคัญของการ ศึกษา เพราะต่างตระหนักดีว่า พวกเขามิอาจจะดำเนินชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุขหากปราศจากการศึกษา ความจริงการศึกษานั้นไม่เพียงแต่จะมีความจำเป็นต่อมนุษย์เท่านั้น หากแต่ยังมีความสำคัญทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อสรรพสิ่งทั้งมวลไม่ว่า สัตว์ สิ่งของรวมทั้งจักวาลด้วยเพราะอันเนื่องมาจากการศึกษาของมนุษย์นี้ แหละทำให้โลกนี้สงบสุขหรือเกิดความหายนะ อัลลอฮฺได้ดำรัสความว่า “ความเสียหายได้เกิดขึ้นทั้งบนบกและในน้ำเป็นผลจาก น้ำมือของมนุษย์ เพื่อพระองค์จะให้พวกเขาได้ลิ้มรสในบางส่วนที่พวกเขาได้ก่อไว้ โดยหวังที่จะให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัว” (อัลกุ รอาน ; 30 : 41)
โองการแรกที่พระเจ้าประทานให้ศาสนทูตมุฮัมมัดก็ให้ความสำคัญกับการศึกษาในซูเราะห์อัลอะลักอัลลอฮฺได้โองการความว่า
1. จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด
2. ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด
3. จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง
4. ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา
5. ผู้ทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้ (*1*)
1. ตั้งแต่ อายะฮฺที่หนึ่งถึงอายะที่ห้าเป็นอายาตของอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาเป็น ครั้งแรก ขณะที่ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม หลบเข้าไปอยู่ในอุโมงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการบูชาเจว็ดของผู้คนในขณะนั้นและ เพื่อแสวงหาสัจธรรมในการค้นหาพระเจ้าที่แท้จริง ห้าอายาตของอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาเป็นครั้งแรกนี้นับได้ว่าเป็นความ เมตตา และความโปรดปรานครั้งแรกที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่ปวงบ่าวเป็นการเตือนให้ ตระหนักว่ามนุษย์ถูกบังเกิดมาจากก้อนเลือด และด้วยการให้เกียรติโดยทรงสอนมนุษย์ในสิ่งที่เขาไม่รู้และให้วิชาความรู้ แก่เขา ซึ่งเป็นปมเด่นที่มนุษย์มีเหนือมะลาอิกะฮฺ(เทวทูตนามว่าญิบรีล)
การศึกษาในทัศนะของอิสลามมีอยู่สองลักษณะด้วยกัน
การ ศึกษาเป็นหน้าที่บังคับสำหรับทุกคนต้องเรียนรู้ (หรือภาษาอาหรับหรือชาวบ้าน มุสลิมเรียกว่าฟัรดูอีน) ภายใต้ สามหลักด้วยกันคือ หลักศรัทธา หลักปฏิบัติและเอียะห์ซาน หรือจริยธรรม
2. การ ศึกษาที่ ไม่บังคับสำหรับมุสลิมทุกคน แต่เพียงพอถ้ามุสลิมคนหนึ่งได้ศึกษา (ภาษาอาหรับหรือชาวบ้านมุสลิมเรียกว่า ฟัรดูกิฟายะห์) หากไม่มีผู้ใดในชุมชนศึกษาถือว่ามุสลิมทั้งชุมชบาป เช่นการศึกษาในอาชีพด้านต่างๆ ที่มนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพา แพทย์ พยาบาล ช่างต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมายที่จำเป็นต่อสังคม ดังนั้นความเข้าใจของผู้คนที่พยายาม มาแยกความรู้ ในเรื่องศาสนาและความรู้ทางโลกออกจากกันเป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจาก ความรู้ทุกอย่างที่เรียนแล้วสามารถนำประโยชน์ยังมวลมนุษย์ถือว่าเป็นความรู้ ที่อิสลามส่งเสริม และถ้าผู้เรียนมีเจตนาเพื่อนำความรู้มาช่วยเหลือด้าน ศาสนาเขาก็มีผลบุญ แต่ความรู้ที่เกี่ยวกับหลักศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักปฏิบัตินั้นเป็นความรู้ที่จำเป็นต้องเรียน ถ้ามุสลิมลำดับความสำคัญในการศึกษาแน่นอนความดีอีกมากมายจะเกิดในสังคม มุสลิม
การ จัดการศึกษาของชุมชนมุสลิมสงขลา ที่เรียกว่าฟัรดูอีนดังที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีมุสลิมจำนวนมากเช่นกันลำดับความสำคัญที่ผิดพลาด หลายคนมองข้ามเรื่องนี้ไป
ใน อดีตโรงเรียนของรัฐมิได้ ให้ความสำคัญกับฟัรดูอีนทำให้ชุมชนมุสลิมโดยเฉพาะจังหวัดสงขลาได้ใช้มัสยิด เป็นศูนย์กลางในการจัดการศึกษาดังกล่าวให้กับเด็กในชุมชนถ้าสังคมพูดไทยจะ เรียนฟัรดูอีนผ่านหลักสูตรคุรุสัมพันธ์ แต่ถ้าสังคมที่พูดภาษามลายูก็จะใช้หลักสูตรตาดีกา เรียนในวันเสาร์ อาทิตย์ หรือบ้างแห่งเพิ่มตอนเย็นของทุกวัน ด้วยครูที่มีจิตวิญญาณสูงไม่ว่าวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่โดยมีอิหม่ามแต่ละมัสยิดเป็นแกนนำในการจัดการศึกษาและอยู่ที่ อิหม่ามและบรรดาทีมงานถ้ามีความเข้มแข็งการจะสะท้อนกับผลสัมฤทธิ์เด็ก
ปัจจุบัน รัฐเริ่มให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาประเภทนี้เพราะหลายปัจจัยไม่ว่า ปัจจัยด้านความมั่นคงหรือต้องการหนุนเสริมคุณธรรมจริยธรรมที่เด็กทุกศาสนา เริ่มห่างเหินศาสนา แต่ที่สำคัญที่สุดคือปัจจัยภายในเครือข่ายโรงเรียนของพวกเราเองที่เป็นแรง ขับภายในทำให้รัฐเข้ามาหนุนเสริมผ่านสำนักงานการศึกษาเอกชน โดยมีการสนับสนุนงบประมาณครูผู้สอน พัฒนาบุคลากรในการสอนอิสลามศึกษา หลักสูตรสถานศึกษา มีการวัดประเมินผล I-NET ซึ่งแต่เดิมชุมชนช่วยเหลือกันเองโดยวิธีการต่างๆแล้วแต่ชุมชน ในขณะเดียวกันองค์บริหารส่วนท้องถิ่นไม่ว่า อบต. เทศบาลและอบจ. ก็เริ่มหนุนเสริมงบประมาณด้านต่างๆโดยเฉพาะสื่อการเรียนการสอน การจัดกิจกรรมมหกรรมวิชาการของแต่ละปี
การ ที่รัฐหรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาหนุนเสริมดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ควร ระวังว่าหากองค์กรเหล่านี้ไม่สนับสนุนเมื่อไร ความเข้มแข็งของชุมชนอาจจะมาช่วยหนุนเสริมอยากขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้นในอนาคต เครือข่ายหรือสมาคมฟัรดูอีนจึงมีความสำคัญมากในการสร้างความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจให้เป็นหนึ่งเพื่อรักษาการศึกษาฟัรดูอีนนี้ให้ยังคงอยู่กับ ชุมชนภายใต้ชายคามัสยิด
ท้าย สุดอยากจะฝากในสี่อำเภอสงขลา คือจะนะ สะบ้าย้อย เทพาและนาทวีในพื้นที่พูดภาษามลายูและใช้หลักสูตรตาดีกา สมาคม หรือเครือข่ายโรงเรียนฟัรดูอีนต้องคิดอีกเรื่องคือเรื่องการให้ความรู้ด้าน กฎหมายความมั่นคงเพื่อ ลดกรณีถูกคุกคามที่ไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ