กรมการศาสนาใช้หลักธรรม เสริมสร้างความปรองดอง ชวนทุกฝ่ายเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา คืนยิ้มสู่สังคมไทยด้วยสันติวิธี

นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา

 

เพื่อทันทุกสถานการณ์ ในสภาวะบ้านเมืองที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา จึงได้อาสาขับเคลื่อนความปรองดองผ่านมิติทางศาสนา ชวนทุกฝ่ายเข้าร่วมกิจกรรมและ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมทางศาสนา เพื่อสรรค์สร้างรอยยิ้มให้กลับสู่สังคมไทยอีกครั้ง

>> มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความปรองดองอย่างไร

กรมการศาสนาได้จัด โครงการสร้างความปรองดองของคนในชาติ โดยส่งเสริมให้ส่วนราชการทุกหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งระดับจังหวัด  อำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน ร่วมกันสร้างความปรองดองสมานฉันท์แก่ประชาชน โดยส่งเสริมให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนทุกศาสนา และกิจกรรมทางศาสนาเป็นพลัง ขับเคลื่อน การดำเนินงาน ดำรงตนด้วยวิถีชีวิตที่ดีงามในชีวิตประจำวัน  ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอดคล้องกับหลักธรรมทุกศาสนา โดยเน้นการบูรณาการทำงานร่วมกับผู้นำศาสนา ผู้นำองค์กร ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชนในทุกระดับ

>> แผนการดำเนินงานเป็นอย่างไร

กรมการศาสนามีการกำหนด แผนการดำเนินงานเป็น ๓ ระยะ คือ ระยะที่ ๑ ส่งเสริมบทบาทองค์กรทางศาสนา ในการร่วมกับองค์กร เครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม  นำมิติทางศาสนามาแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ  ระยะที่ ๒ พัฒนากลไกขับเคลื่อนกระบวนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อสร้างค่านิยมและจิตสำนึกให้คนไทยมีความปรองดองสมานฉันท์  ระยะที่ ๓ พัฒนาระบบการกำกับ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการสร้างความปรองดองสมานฉันท์

>> ผลการตอบรับต่อโครงการดังกล่าวเป็นอย่างไรบ้าง    

กรมการศาสนาได้รับ ความ      ร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั่วประเทศ ทั้งนี้ในส่วนกลาง กรมการศาสนาได้จัดประชุมศาสนิกสัมพันธ์ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยมีผู้นำและผู้แทนองค์การศาสนาต่างๆ เข้าร่วมประชุมเพื่อขอความร่วมมือผู้นำองค์การศาสนาในการดำเนินงาน สร้างความสมานฉันท์ในมิติศาสนา ซึ่งองค์การทั้ง ๕ ศาสนาให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยได้เริ่มดำเนินงานและจัดกิจกรรมต่างๆ ตามบทบาทภารกิจหน้าที่ของตน สำหรับส่วนภูมิภาค กรมการศาสนาได้รับความร่วมมืออย่างดีจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ในการเป็นหน่วยงานกลางของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อประสานงานและร่วมกับส่วนราชการทุกหน่วยงานในจังหวัด องค์กรเครือข่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ผู้นำทางศาสนา ผู้นำชุมชุน ในการขับเคลื่อน การบูรณาการงานกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการสร้างความปรองดองของคนในชาติ  ซึ่งขณะนี้ในส่วนภูมิภาคมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานพร้อมกับส่วนกลางเช่น เดียวกัน

>>สำหรับศาสนาอิสลามกรมการศาสนามีการส่งเสริมอย่างไรบ้าง

กรมการศาสนาได้ส่ง เสริมและสนับสนุนให้คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัด จำนวน ๓๙ จังหวัดจัดกิจกรรมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ในมิติของศาสนา โดยขอความร่วมมือจากผู้นำศาสนา ในการแสดงธรรม คุตบะห์  (บทธรรมกถา) เกี่ยวกับเรื่องความสามัคคี ในการละหมาดวันศุกร์  และในเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนแห่งการถือศีลอด เพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์แก่ประชาชนในชาติอย่างยั่งยืน และจัดพิมพ์หนังสือคุตบะห์ เรื่องความสามัคคี และหนังสือที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจกจ่ายองค์การศาสนาอิสลาม และผู้นำศาสนาระดับต่างๆ เพื่อใช้สำหรับเป็นแนวทางการดำเนินงานต่อไป

ทั้งนี้ กรมการศาสนาร่วมกับสำนักคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด ๔ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร พังงา นครศรีธรรมราช และกระบี่ รวม ๔ จังหวัด จัดโครงการประชุมสัมมนาผู้นำศาสนาอิสลามขึ้น ระหว่างวันที่  ๒๓ – ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยจัดจังหวัดละ ๑ วัน เพื่อให้ผู้นำศาสนาขับเคลื่อนชุมชนให้เป็นชุมชนคุณธรรม โดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติในชีวิต  มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการส่งเสริมการไปประกอบพิธีฮัจย์ รวมทั้งมีความรัก ความสามัคคี  และเป็นแกนกลางในการเผยแพร่ความรู้ที่ได้รับให้กับชุมชน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนา เพื่อนำไปสู่ความเจริญอย่างมั่นคงของประเทศชาติ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน ๒๔๐ คน ประกอบด้วย ผู้นำศาสนา (อิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น) คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด

นอกจากนี้ กรมการศาสนาได้ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมทางศาสนา โดยสนับสนุนให้องค์กรทางศาสนามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม พร้อมทั้งเป็นผู้ดำเนินการจัดกิจกรรม เชื่อมโยงกลุ่มเป้าหมาย คือ เด็ก เยาวชน และประชาชน และโดยที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานถือเป็นธรรมนูญสูงสุดของผู้นับถือศาสนา อิสลาม ที่ยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลาม ดังนั้นเพื่อให้พี่น้องมุสลิมได้ใกล้ชิดศาสนา มีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรม คำสอน  มีความรักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างความสามัคคี  และสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ จึงได้ส่งนักอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานชาย นายปรานนท์ มุสตาฟา นักอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานหญิง นางสาวกัลยาณี  มุมิ และกรรมการตัดสิน นายอรุณ ลีซอ เข้าร่วมการแข่งขัน การอ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๕๖ ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยในการแข่งขันดังกล่าว ได้มีผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลก ผลการตัดสินปรากฏว่า ผู้ชนะเลิศฝ่ายชาย ได้แก่ Ahmad Tirmizi Bin Hj Ali นักอ่านจากประเทศมาเลเซีย  ได้คะแนน ๙๓.๓๐ คะแนน ผู้ชนะเลิศฝ่ายหญิง  ได้แก่ Hanimzah binti Hj jalaluddin  นักอ่านจากประเทศมาเลเซีย  ได้คะแนน ๙๐.๖๗ คะแนน สำหรับประเทศไทย นางสาวกัลยาณี  มุมิ นักอ่านหญิง ได้รับรางวัลที่ ๔  ได้คะแนน ๘๓.๐๘ คะแนน ซึ่งผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดได้เข้ารับรางวัลจากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่ง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๗
>> เรื่อง “ฮัจย์” ช่วงนี้มีการดำเนินงานเป็นอย่างไรบ้าง

โดยที่ผู้ประกอบพิธี ฮัจย์ชาวไทย จะเริ่มเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป กรมการศาสนาจึงได้มีการดำเนินงานด้านต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทั้งนี้ ตามระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ข้อ ๑๕ กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาต เป็นผู้ประกอบกิจการการรับจัดบริการขนส่งในกิจการฮัจย์ จะต้องจัดให้ผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์เดินทางเป็นกลุ่ม  รวมแล้วกลุ่มละไม่เกินห้าสิบคน  โดยมี ผู้นำกลุ่มหนึ่งคนและผู้ให้คำแนะนำในการประกอบพิธีฮัจย์หนึ่งคน โดยผู้นำกลุ่มต้องผ่านการฝึกอบรมและได้รับบัตรประจำตัวผู้นำกลุ่มจากสำนัก เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย

ดังนั้น กรมการศาสนาในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่ง ประเทศไทย จึงได้จัดอบรมผู้นำกลุ่มผู้ประกอบพิธีฮัจย์ทุกปี เพื่อให้ผู้นำกลุ่มผู้ประกอบพิธีฮัจย์มีความรอบรู้ใน ด้านต่างๆเกี่ยวข้องกับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายไทยและฝ่ายซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งกฎหมายและระเบียบต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยเหลือผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ในสังกัดได้  สำหรับในปี ๒๕๕๗ กรมการศาสนาได้จัดอบรมผู้นำกลุ่มผู้ประกอบพิธีฮัจย์ ระหว่างวันที่ ๒๓ – ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ โรงแรม ไดอิชิ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น ๓๐๐ คน

นอกจากนี้ กรมการศาสนายังเตรียมการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งคุ้มครองพี่น้องมุสลิมเพื่อให้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างมีหลัก ประกัน มีความมั่นใจ และปลอดภัยตลอดการเดินทาง
>> กรมการศาสนาคาดหวังกับโครงการสร้างความปรองดองของคนในชาติอย่างไรบ้าง

กรมการศาสนามีความ เชื่อว่า ทุกคนล้วนมีความตั้งใจและความปรารถนาดีที่อยากจะเห็นชนในชาติ มีความรักความสามัคคี และเห็นประเทศชาติกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว สิ่งที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจและเหมาะสมกับทุกคน คือ หลักธรรมทางศาสนา ดังนั้น หากทุกภาคส่วนร่วมมือขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการสร้างความปรองดองของ คนในชาติ  โดยนำมิติทางศาสนามาแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ และสนับสนุนกระบวนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางศาสนา มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันภายใต้วิถีชีวิตที่ดีงาม ตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง จะมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติกลับคืนสู่สภาวะปกติ ด้วยสังคมที่สงบสุขอีกครั้ง