รายงานโดย : มิกด๊าด วงศ์เสนาอารี
เมื่อวันที่ 16-18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา องค์กร The Global Campaign to Return to Palestine ได้จัดการประชุมผู้นำศาสนาอิสลามระดับนานาชาติ โดยรวมเอาผู้นำศาสนาอิสลามนิกายต่างๆ รวมถึงนักคิด และนักกิจกรรมจากทั่วโลกกว่า 30 ประเทศมารวมกันที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เพื่อทำการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาปาเลสไตน์ และกำหนดจุดยืนที่ผู้นำศาสนาควรมีต่อปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อแสวงหาทางออกให้แก่วิกฤติปัญหาที่ชาวปาเลสไตน์ต้องประสบมากว่า 67 ปี นับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐอิสราเอลในวันที่ 15 พฤษภาคม 1948
งานเลี้ยงเปิดการประชุมเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 16 พฤษภาคม ควบคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันแห่ง “อิสรอมิอ์รอจ” (การเดินทางสู่ฟากฟ้าของศาสดามุฮัมมัด) และพิธีมอบโล่เพื่อเป็นเกียรติแก่ครอบครัวของวีรชนที่ถูกสังหารโดยทหารอิสราเอลเมื่อปี 2011 ในการเดินขบวนกลับสู่มาตุภูมิของชาวปาเลสไตน์
ในการปราศรัยเปิดงาน มุฟตีประจำกรุงเยรูซาเล็ม เชคมุฮัมมัด หุเซน ได้กล่าวถึงความเชื่อมโยงของการรำลึกถึงเหตุการณ์ “อิสรอมิอ์รอจ” ที่มีต่อปัญหาของมัสยิดอัลอักซอ เนื่องจากความสำคัญของมัสยิดอัลอักซอในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางสู่ฟากฟ้าของศาสดามุฮัมมัดตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม
ในวันที่ 17 พฤษภาคม การประชุมใหญ่ได้เริ่มขึ้นโดยตัวแทนของคณะผู้จัดงานได้กล่าวปราศรัยและชี้แจงถึงวัตถุประสงค์และความคาดหวัง ตามมาด้วยการฉายวีดิทัศน์ที่เกี่ยวกับปัญหาปาเลสไตน์และภัยที่กำลังคุกคามมัสยิดอัลอักซอ
ในช่วงบ่ายผู้เข้าร่วมประชุมได้แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่มตามประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อหลักในการพูดคุย ได้แก่
1.การวิจัยเชิงวิชาการเกี่ยวกับปัญหาปาเลสไตน์
2.การสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจในระดับมวลชน
และ 3.การสร้างผลกระทบทางการเมืองที่ส่งผลต่อวิกฤติปาเลสไตน์ ซึ่งผลสรุปของการประชุมกลุ่มย่อยได้ถูกนำเสนอและอภิปรายโดยตัวแทนของแต่ละกลุ่มในเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม หลังจากการกล่าวรายงานถึงบทสรุปของการสัมมนาโลกอิสลามที่จัดขึ้นในเยรูซาเล็ม ปี 1931
วันที่ 18 พฤษภาคม การประชุมได้ดำเนินมาอย่างเข้มข้นเป็นเวลาสามวัน จนถึงวันสุดท้ายซึ่งได้รับความสนใจอย่างเป็นพิเศษจากสื่อมวลชนทั้งในและนอกประเทศ พิธีปิดเริ่มขึ้นด้วยคำปราศรัยของที่ปรึกษาผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ดร. อะลีอักบัร วิลายะตี ที่ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดงานรำลึกถึงวันแห่งความหายนะ (Nakba day) และได้กล่าวสำทับถึงความสำคัญของการยืนหยัดของชาวปาเลสไตน์ในสิทธิที่ตนมีต่อแผ่นดินบ้านเกิด อีกทั้งยังได้เรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ ที่ทำการต่อสู้เพื่อปาเลสไตน์มองข้ามปัญหาความขัดแย้งและร่วมมือกันสร้างเอกภาพและความสมานฉันท์
วิลายะตี ยังได้เรียกร้องให้ประชาชาติอิสลามขจัดปัญหาความขัดแย้งที่มี เพราะสิ่งที่ประชาชาติอิสลามต้องการมากที่สุดในเวลานี้ก็คือความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวิกฤติปาเลสไตน์อันถือเป็นวาระสำคัญที่ประชาชาติอิสลามจะต้องร่วมมือกันเป็นปึกแผ่นเพื่อแสวงหาทางออกให้แก่ปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่าครึ่งศตวรรษ
หลังจากนั้นเป็นการปราศรัยผ่านวีดีโอลิงค์จากฉนวนกาซ่าของนายอิสมาอีล ฮะนียะฮ์ อดีตนายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์และแกนนำขบวนการหะมาส โดยกล่าวถึงประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
• ประชาชนชาวกาซ่ายังคงยืนหยัดในสิทธิที่ตนมี ซึ่งสิทธิที่สำคัญที่สุดก็คือเมืองเยรูซาเล็ม และการกลับคืนสู่แผ่นดินปาเลสไตน์
• ประชาชนชาวกาซ่ายังคงยึดมั่นในแนวทางของขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์ (มุกอวะมะฮ์) ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงชัยชนะมาตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของการต่อสู้
• ขบวนการหะมาสได้ยอมผ่อนปรนและประนีประนอมต่อปัญหาขัดแย้ง หนึ่งในนั้นก็คือ “การที่เรายอมสละสิทธิ์อำนาจการปกครองในฉนวนกาซ่า ซึ่งเราก็เฝ้ารอจุดยืนเดียวกันนี้จากพี่น้องของเราในเวสต์แบงก์”
• การยึดมั่นในปาเลสไตน์ในฐานะที่เป็นรากเหง้าแห่งความเป็นอาหรับและอิสลาม
นอกจากนี้ ผู้นำขบวนการหะมาสยังได้เรียกร้องมวลมุสลิมให้สร้างความเป็นเอกภาพ และร่วมกันวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อปกป้องเมืองเยรูซาเล็มและมัสยิดอัลอักซอ รวมไปถึงการยุติความขัดแย้งภายในประชาชาติ โดยกล่าวว่า “การห้ำหั่นกันภายในมีแต่จะสร้างความอ่อนแอให้แก่ชาวปาเลสไตน์และวิกฤติปัญหาที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน”
หลังจากฮะนียะฮ์ ดร.คอลิด อัลบัฏช์ แกนนำขบวนการญิฮาดอิสลามี ได้ปราศรัยผ่านวีดีโอลิงค์ โดยเรียกร้องให้เกิดการประสานความร่วมมือและเปิดโอกาสให้มีการสานเสวนาระหว่างมุสลิมกลุ่มต่าง ๆ เพื่อร่วมกันทำลายวิกฤติปัญหาที่ชาวปาเลสไตน์ต้องประสบ อีกทั้งยังเรียกร้องให้มีการกำหนดทิศทางที่ถูกต้องให้แก่ปัญหาของประชาชาติอิสลาม
“เรามารวมตัวกันในวันนี้ในขณะที่อิสราเอลกำลังเฉลิมฉลองการจัดตั้งรัฐอย่างรื่นเริง… ทางออกของวิกฤติกาลอยู่ที่การกำหนดทิศทางของประชาชาติอิสลามให้มุ่งหน้าไปสู่ปัญหาปาเลสไตน์อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น” แกนนำขบวนการญิฮาดอิสลามี กล่าว
ภายหลังการวีดีโอลิงค์จากฉนวนกาซ่าการสัมมนาก็เข้าสู่ช่วงสุดท้าย เชคมุฮัมมัดหุเซน มุฟตีประจำกรุงเยรูซาเล็มขึ้นกล่าวปราศรัยโดยย้ำว่า “การสนับสนุนปาเลสไตน์ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยปราศจากเอกภาพของมวลมุสลิม”
ตามมาด้วยการกล่าวปราศรัยของเชคมาหิร ฮัมมูด อิมามประจำมัสยิดกุดส์ ประเทศเลบานอน ที่ได้เน้นย้ำถึงสิทธิอันชอบธรรมที่ชาวปาเลสไตน์มีต่อดินแดนของตน
และเมื่อการปราศรัยต่าง ๆ ได้จบลง “การประชุมผู้นำศาสนาอิสลามระดับนานาชาติเพื่อการกลับคืนสู่ปาเลสไตน์” ก็สิ้นสุดลงด้วยการอ่านถ้อยแถลงของคณะผู้จัดงาน ตามมาด้วยการรายงานผลสรุปของการประชุมและกล่าวถึงการติดตามผลในระยะยาวโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจที่ได้รับมอบหมายจากคณะผู้จัดการประชุม
ประมวลภาพบรรยากาศการประชุม