กรุงเทพฯ 30 มิถุนายน 2558 – คณะกรรมการกองทุนอ้อยและน้ำตาล เผยที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยฤดูกาลผลิตปี 2557/2558 โดยให้คณะกรรมการกองทุนฯ จัดทำโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ วงเงินรวม 500 ล้านบาทต่อปี โดยเกษตรกรสามารถขอรับสินเชื่อได้รายละไม่เกิน 5 แสนบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี กำหนดผ่อนชำระเป็นเวลา 4 ปี ควบคู่ไปกับกิจกรรมพัฒนาแหล่งน้ำ เช่น การขุดบ่อน้ำ การสูบน้ำบาดาล การจัดทำระบบน้ำหยด หวังแก้ปัญหาแล้งซ้ำซากอย่างยั่งยืน ทั้งนี้หากชาวไร่อ้อยสนใจที่จะขอสินเชื่อตามโครงการนี้ สามารถไปติดต่อและยื่นใบสมัครได้ที่โรงงานน้ำตาลในพื้นที่ที่ตนเองส่งอ้อยเข้าโรงงานเพื่อขออนุมัติเงินกู้จากคณะกรรมการต่อไป
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในฐานะประธานกรรมการกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้ส่วนราชการจัดทำโครงการช่วยเหลือเกษตรกรจาก ปัญหาภัยแล้งนั้น กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายได้ จัดทำโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่ว ประเทศวงเงินรวม 500 ล้านบาทต่อปี และชาวไร่อ้อยสามารถขอรับสินเชื่อดังกล่าวได้รายละไม่เกิน 5 แสนบาท โดยกองทุนฯ คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี กำหนดผ่อนชำระเป็นเวลา 4 ปี การให้กู้ดังกล่าวจะเน้นกิจกรรมลงทุนสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็ก เช่น การขุดบ่อน้ำ การสูบน้ำบาดาล การจัดทำระบบน้ำหยดเป็นต้น หากชาวไร่อ้อยสนใจที่จะขอสินเชื่อตามโครงการนี้ ขอให้ไปติดต่อและยื่นใบสมัครได้ที่โรงงานน้ำตาลในพื้นที่ที่ตนเองส่งอ้อย เข้าโรงงาน โดยโรงงานจะช่วยพิจารณาและกลั่นกรองว่าชาวไร่อ้อยผู้นั้นมีความพร้อมและมี ความสามารถที่จะดำเนินการลงทุนแหล่งน้ำขนาดเล็กต่าง ๆ และมีผลตอบแทนเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินกู้ได้หรือไม่ ต่อจากนั้นใบสมัครดังกล่าวจะถูกพิจารณาโดยคณะกรรมการประจำโรงงานซึ่งมีผู้ แทนของสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ผู้แทนโรงงาน และผู้แทนชาวไร่อ้อยฝ่ายละ 1 คน ช่วยกันพิจารณาและหากเห็นสมควรจึงให้สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ขออนุมัติเงินกู้จากคณะกรรมการต่อไป
นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ราคาอ้อยในฤดูการผลิตหน้า 2558/2559 นั้นจะยังตกต่ำต่อไป ซึ่งจากตัวเลขราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์กราคาน้ำตาลล่วงหน้าเดือนมีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม 2559 มีระดับราคาอยู่ที่ประมาณ 13.51 – 13.69 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นจะมีราคาลดต่ำลง โดยประมาณว่าจะสามารถกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นได้ประมาณ 700 บาทต่อตัน ในขณะที่ต้นทุนการผลิตของชาวไร่อ้อยจะสูงกว่า เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทุกฝ่ายได้ว่าชาวไร้อ้อย โรงงาน และภาครัฐ จะต้องร่วมปรึกษาหารือกันในการปรับโครงสร้างระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ทราย รวมทั้งชาวไร่อ้อยคงจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้พอที่จะอยู่ได้ ขณะเดียวกันโรงงานเองก็ควรจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของขบวนการผลิตตลอดจน ระบบ โลจิสติกในการขนอ้อยเข้าโรงงานให้สามารถผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยให้สูงขึ้น เพราะว่าการรับอ้อยเข้าโรงงานล่าช้าจะทำให้ความหวานและความสมบูรณ์ของอ้อยลด ลงด้วย