เสรีภาพนักข่าวกับการวาดรูปล้อเลียนศาสนทูตมุฮัมมัดของ “ชาร์ลี เฮบโด”

โดย อุสตาซอับดุชชะกูร์ บินชาฟิอีย์ ดินอะ (อับดุลสุโก ดินอะ)
shukur2003@yahoo.co.uk


 

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์พระองค์ผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน

จากการรายงานของสื่อทั่วโลกถึงเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสังหารพนักงานสำนักงานของ “ชาร์ลี เฮบโด” หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์จอมเสียดสีของฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย

เราจะเห็นภาพมุมเดียวคือการประณามผู้ก่อเหตุ  การสนับสนุนเสรีภาพนักข่าวในเกือบทุกสื่อทั่วโลกรวมทั้งการรวมตัวผู้นำโลกและคนจำนวนหลายล้านที่ฝรั่งเศสจนมองว่าการล้อลียน  การดูถูกผู้อื่นซึ่งต่างจากการวิพากษ์เชิงวิชาการภายใต้ปรัชญาเสรีภาพของนักข่าวทำได้

และที่สำคัญมหลายสื่อพยายามโทษผู้ร้ายว่าใช้หลักศาสนาอิสลามมาทำร้ายผู้อื่นซึ่งยังทำให้กระแสการวาดกลัวอิสลามและมุสลิมอย่างเหมารวมในยุโรป และทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยรุนแรงเพิ่มขึ้น

จริงอยู่การสังหารนักข่าวที่ฝรั่งเศสสมควรถูกประณาม การเคารพสิทธินักข่าวเราก็ไม่ปฏิเสธแต่นักข่าวก็ควรเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย ดังนั้นใครไม่เคารพศาสนทูตของเขาก็สมควรถูกประณามเช่นกัน

ดังที่ประชาคมมุสลิมทั่วโลกได้ประท้วงอย่างสันติต่อการวาดรูปล้อเลียนศาสนทูตมุฮัมมัดของ “ชาร์ลี เฮบโด” ตามแถลงการณ์ของสหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IUMS)ต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ (โปรดดู http://iumsonline.org)

IUMS
ในขณะเดียวเลขาธิการสหภาพนักปราชญ์มุสลิมนานาชาติ (IUMS) ชัยคฺดร.อลี มะหฺยุดดีน ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อออนไลน์อีกฉบับหนึ่ง ประณามการกระทำครั้งนี้ว่าค้านกับหลักการอิสลามอย่างชัดเจนถึงแม้ผู้ตายจะทำการ์ตูนล้อเลียนศาสนทูตมุฮัมมัด ในขณะเดียวกันได้เรียกร้องผู้ที่ล้อเลียนศาสนทูตมุฮัมมัด และศาสนาอิสลามก็ควรหยุดกระทำเช่นกันพร้อมทั้งได้นำหลักการอิสลามระบุถึงอิสลามไม่อนุญาตใช้วิธีดังกล่าวกระทำต่อเหยื่อถึงแม้เขาจะดูถูก เหยียดหยามล้อเลียนศาสนทูตมุฮัมมัด และศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งให้ใช้วิทยปัญญาในการแก้ปัญหา เพราะการแก้ปัญหาด้วยวิธีดังกล่าวไม่ได้เกิดผลดีต่อสังคมมุสลิมเอง พร้อมทั้งเหตุจูงใจที่ใช้ในนามเสรีภาพที่ละเมิดผู้อื่นโดยเฉพาะกับศาสนทูตมุฮัมมัด และศาสนาอิสลามต้องหยุดทันทีเพราะจะยิ่งเพิ่มอุณภูมิความขัดแย้ง โปรดดูใน https://www.facebook.com/iumsonline)

ตามทัศนะผู้เขียนนั้นในส่วนมุสลิมเองควรกลับหันมาดูพฤติกรรมศาสนิกตนเองเช่นกันและควรตำหนิเมื่อศาสนิกตนเองทำผิดถึงแม้มุสลิมทั่วโลกจะเป็นพี่น้องกัน

ข้อเสนอแนะผู้เขียนท่ามกลางกระแสการหวาดกลัวอิสลามและมุสลิม (Islamophobia or Muslimophobia) นั้นควรขยายแนวคิดและหลักปฏิบัติอิสลามสายกลาง (al-Wasatiah) โดยเฉพาะหลักการอยู่ร่วมกับต่างศาสนิกในสังคมพหุวัฒนธรรมในเมื่อมุสลิมมั่นใจว่า อิสลามเป็นศาสนาแห่งสันติภาพทั้งชื่อและหลักการ ในขณะที่พระเจ้าได้โองการความว่า ท่านส่งศาสนทูตมุฮัมมัดเพื่อนำความเมตตาสู่สากลจักวาล

มุสลิมโดยเฉพาะปราชญ์ รวมทั้งนักวิชาการ นักศึกษา  วัยรุ่น ควรแสดงในทางรูปธรรมมากกว่าคำพูด
(โปรดดู http://v1.midnightuniv.org และ
http://www.matichon.co.th )

มุสลิมเองควรหยุดการก่อความเสียหายและความหายนะต่อสังคมโลกซึ่ง อัลลอฮฺได้ดำรัสความว่า :”เมื่อได้มีการกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงอย่าก่อความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน” พวกเขากล่าวว่า “เปล่า เราเพียงแต่ต้องการแก้ไขสิ่งต่างๆต่างหาก” แท้จริง พวกเขาคือผู้สร้างความเสียหาย แต่พวกเขาหาได้ตระหนักไม่” (อัลบากอเราะฮฺ:11-12)

กล่าวโดยสรุปการสังหารนักข่าวที่ฝรั่งเศสสมควรถูกประณาม   การเคารพสิทธินักข่าวเราก็ไม่ปฏิเสธแต่นักข่าวก็ควรเคารพสิทธิผู้อื่นด้วย เช่นกัน

ดังนั้นการให้เกียรติซึ่งกันและกันและใช้สติในการแก้ปัญหามากว่าใช้กำลังจะสามารถลดความขัดแย้งอุณภูมิโลกปี 2558/2015