อิสราเอลลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในระบบข่าวกรองโซเชียลมีเดียและมีอย่างน้อย 5 ระบบเมื่อสงครามกาซาปะทุขึ้น แต่ทั้งหมดล้มเหลว จึงมีการพัฒนาระบบใหม่เพิ่มเติมหลังจากสงครามปะทุขึ้นอีก 6 ระบบ
17 ก.ย. 2024 ฮาอาเร็ตส์ สื่ออิสราเอล ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง “สงครามกาซาจุดประกายอิทธิพลอุตสาหกรรมข่าวกรองอิสราเอล“
รายงานนี้ เปิดเผยถึงความล้มเหลวของระบบข่าวกรองโซเชียลมีเดียของอิสราเอลโดยระบุว่า แม้รัฐบาลอิสราเอลจะลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีเพื่อเฝ้าระวังข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อเหตุการณ์โจมตีของฮามาสเกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ระบบเหล่านี้กลับไม่สามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญและการจัดการกับข้อมูลเท็จที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
รายงานของ ฮาอาเร็ตส์ ระบุว่า อิสราเอลลงทุนหลายล้านดอลลาร์ในระบบข่าวกรองโซเชียลมีเดียโดยมีอย่างน้อย 5 ระบบ ซึ่งถูกพัฒนาโดยหน่วยงานต่างๆ ของอิสราเอลก่อนที่จะเกิดสงครามในกาซา แต่เมื่อสงครามเกิดขึ้น ระบบเหล่านี้กลับไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ในสงคราม
ในต้นฉบับของฮาอาเร็ตส์มีการกล่าวถึง 5 ระบบข่าวกรอง ที่ถูกพัฒนาก่อนสงคราม แต่ไม่ได้ระบุชื่อของทุกระบบอย่างชัดเจนทุกระบบ อย่างไรก็ตาม มีบางระบบที่ถูกระบุชื่อไว้ ได้แก่:
1. Sayiqan
การพัฒนา: พัฒนาสำหรับกระทรวงกิจการพลัดถิ่นของอิสราเอล โดยความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม
วิธีการทำงาน: ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามและรวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเนื้อหาต่อต้านอิสราเอล เช่น การเคลื่อนไหวคว่ำบาตร (BDS) โดยเน้นไปที่การตรวจสอบความเคลื่อนไหวและการปลุกระดมในโซเชียลมีเดีย
2. Nirit
การพัฒนา: พัฒนาโดยกระทรวงกิจการเชิงยุทธศาสตร์
วิธีการทำงาน: ระบบ Nirit มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ต่อต้านอิสราเอลในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม BDS (คว่ำบาตร, การถอนการลงทุน, และการคว่ำบาตรต่ออิสราเอล) ซึ่งมีบทบาทในการสนับสนุนการต่อสู้กับการปลุกระดมในระดับสากล
3. Keshet David
การพัฒนา: พัฒนาผ่านบริษัทหน้าฉากที่จัดตั้งโดยกระทรวงกิจการพลัดถิ่น
วิธีการทำงาน: ระบบนี้ถูกออกแบบให้รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย เพื่อติดตามและวิเคราะห์เนื้อหาที่เข้าข่ายบิดเบือนหรือปลุกระดมความรุนแรงต่อต้านอิสราเอล วิธีการทำงานของระบบนี้เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เป็นแหล่งข้อมูลเปิด (open source intelligence)
4. ระบบของ Terrogence
การพัฒนา: พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยหน่วยงานข่าวกรองและกลาโหมของอิสราเอล
วิธีการทำงาน: Terrogence ใช้เทคโนโลยีการเฝ้าระวังข้อมูลจากแหล่งข้อมูลออนไลน์แบบเปิด โดยรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามและการเคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย การทำงานของระบบนี้เน้นไปที่การติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานในโซเชียลมีเดียและการระบุเนื้อหาที่ปลุกระดม
5. ระบบข่าวกรองของกระทรวงกลาโหม
การพัฒนา: พัฒนาโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงกิจการพลัดถิ่นและกระทรวงกลาโหม
วิธีการทำงาน: ระบบนี้ใช้เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านอิสราเอลและแคมเปญบิดเบือนข้อมูล โดยมุ่งเน้นไปที่การติดตามแหล่งข้อมูลที่เป็นการเผยแพร่เนื้อหาบิดเบือนหรือปลุกระดมในโซเชียลมีเดีย
ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวต่อต้านอิสราเอล แต่ไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีและข้อมูลบิดเบือนในช่วงสงครามได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมีการพัฒนาระบบใหม่เพิ่มเติมหลังจากสงครามปะทุขึ้นอีก 6 ระบบ ได้แก่
1. XPOS
XPOS พัฒนาโดยกลุ่มอดีตทหารจากกองทัพอิสราเอลในปี 2023 เป็นระบบข่าวกรองโซเชียลมีเดีย (SOCMINT) ที่ออกแบบมาเพื่อติดตามและตรวจจับเนื้อหาที่ถูกระบุว่าเป็น “ผิดกฎหมาย” หรือ “กระตุ้นความรุนแรง” การทำงานของ XPOS เน้นการสแกนเนื้อหาจากแพลตฟอร์มอย่าง Instagram, TikTok, และ X (เดิมคือ Twitter) เพื่อตรวจจับบัญชีปลอมและ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” หรือผู้ใช้จริงที่มีบทบาทสำคัญในการกระจายข่าวลวง นอกจากนี้ระบบยังสามารถสกัดกั้นแคมเปญอิทธิพล เช่น กรณีข่าวลือเกี่ยวกับการระเบิดที่โรงพยาบาลอัล–อาห์ลีในกาซา ทำให้บัญชีปลอมถูกลบออกไปหลายพันบัญชีในช่วงสงคราม
วิธีการทำงาน: XPOS ใช้เทคโนโลยี scraping ในการดึงข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย และวิเคราะห์พฤติกรรมของบัญชีผู้ใช้เพื่อระบุแคมเปญบิดเบือน โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานข่าวกรองและภาคธุรกิจเพื่อให้การติดตามข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. Brinker
Brinker เป็นบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นก่อนสงครามไม่กี่เดือน โดยเน้นให้บริการกับองค์กรเอกชนและธุรกิจเป็นหลัก ซอฟต์แวร์ของ Brinker ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับแคมเปญบิดเบือนข้อมูลทางโซเชียลมีเดียที่โจมตีลูกค้าของพวกเขา บริษัทนี้สามารถระบุแคมเปญต่อต้านยิว เช่น การรณรงค์ชุมนุมในมหาวิทยาลัยและการโจมตีบริษัทอิสราเอลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในกาซา
วิธีการทำงาน: Brinker ใช้การวิเคราะห์เนื้อหาและรูปแบบการกระจายข้อมูล โดยตรวจสอบว่าแคมเปญการโจมตีเกิดขึ้นได้อย่างไร มักเริ่มจาก Telegram ก่อนจะแพร่กระจายไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น X และ Instagram นอกจากนี้ยังมีการใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการต่อต้านแคมเปญเชิงลบ
3. Scooper
ซอฟต์แวร์ Scooper มุ่งเน้นการเฝ้าระวังข้อมูลในภาษาฮีบรู ก่อนหน้าสงคราม Scooper มีบทบาทในการติดตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวคว่ำบาตรอิสราเอล (BDS) และยังคงทำงานเพื่อสนับสนุนการเฝ้าระวังข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
วิธีการทำงาน: Scooper ใช้การสแกนเนื้อหาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในภาษาฮีบรูเพื่อติดตามการแพร่กระจายของเนื้อหาต่อต้านอิสราเอล โดยมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบแคมเปญที่เกี่ยวข้องกับการบิดเบือนข้อมูลที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของอิสราเอลในระดับสากล
4. Keshet David
Keshet David เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงกิจการพลัดถิ่นของอิสราเอล ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสแกนและรวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับการบิดเบือนข้อมูลและการต่อต้านยิว แต่หลังจากการทดสอบพบข้อบกพร่องหลายประการ ทำให้การใช้งานจริงไม่เป็นไปตามคาดหวัง
วิธีการทำงาน: Keshet David ใช้การเฝ้าระวังแบบเปิด (open source intelligence) ในการดึงข้อมูลจากแหล่งสาธารณะบนโซเชียลมีเดีย และทำงานร่วมกับกระทรวงเพื่อรายงานเนื้อหาที่เข้าข่ายบิดเบือนหรือก่อความรุนแรง
5. Nirit
Nirit พัฒนาโดยกระทรวงกิจการเชิงยุทธศาสตร์ของอิสราเอล ระบบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้กับขบวนการ BDS โดยเน้นการติดตามข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับการคว่ำบาตรอิสราเอล
วิธีการทำงาน: Nirit ใช้เทคโนโลยี scraping ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียเพื่อรวบรวมและวิเคราะห์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการ BDS และเนื้อหาที่กระทบต่อการทูตสาธารณะของอิสราเอล
6. Terrogence
หลังจากสงครามเริ่มต้น บริษัท Terrogence ได้รับการว่าจ้างจากรัฐบาลอิสราเอลให้พัฒนาระบบข่าวกรองโซเชียลมีเดียใหม่ที่เน้นการเก็บข้อมูลจากแหล่งข่าวเปิด เพื่อเฝ้าระวังเนื้อหาที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ
วิธีการทำงาน: Terrogence ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจากโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเนื้อหาที่บิดเบือนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
โดยสรุปรายงานของ ฮาอาเร็ตส์ ระบุว่า แม้จะมีการพัฒนา 6 ระบบข่าวกรองใหม่ เพื่อใช้ในการติดตามข้อมูลโซเชียลมีเดียหลังจากสงครามในกาซา แต่ผลลัพธ์ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบข่าวกรองเหล่านี้ยังคงเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ เช่น ความยากในการเฝ้าระวังข้อมูลที่เป็นส่วนตัวในแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และการขาดความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียในการจัดการกับบัญชีปลอมและเนื้อหาบิดเบือน
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่าการเฝ้าระวังในโซเชียลมีเดียจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล และบางครั้งการสร้างบัญชีปลอมและการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากต่อการควบคุม แม้ว่าซอฟต์แวร์ข่าวกรองใหม่จะช่วยในการระบุบัญชีปลอมและแคมเปญบิดเบือนข้อมูลบางส่วน แต่ก็ยังมีช่องโหว่ในการป้องกันภัยคุกคามทางข้อมูลขนาดใหญ่ที่อิสราเอลเผชิญอยู่
ดังนั้น ถึงแม้การพัฒนาระบบใหม่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการติดตามและแก้ไขข้อมูลบิดเบือน แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด เนื่องจากต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐและการร่วมมือจากบริษัทโซเชียลมีเดีย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เพียงพอ