อายาตุลเลาะห์ อัคบาร์ ฮาซิมี ราฟซันจานี อดีตประธานาธิบดีอิหร่าน ผู้ซึ่งมีบทบาทโดดเด่นในแวดวงการเมืองของอิหร่านตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เสียชีวิตแล้วเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 8 มกราคม 2560 (ตามเวลาท้องถิ่น) ขณะมีอายุ 82 ปี
ราฟซันจานีเสียชีวิตเนื่องจากหัวใจวาย หลังถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา
เพรสทีวีสื่ออิหร่านรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากได้มาชุมนุมตามถนนรอบๆ โรงพยาบาลในเขตตอนเหนือของกรุงเตหะรานที่ราฟซันจานีเข้ารับการรักษาตัว
ร่างของเขาถูกนำไปยังสถานละหมาด “จามอรอน” โดยมีนักการเมืองและนักการศาสนาจำนวนมากเข้าร่วมอาลัยและแสดงความเคารพเขาเป็นครั้งสุดท้าย
พิธีศพของเขาจะถูกจัดขึ้นในวันอังคาร (10) นี้ที่กรุงเตหะราน รัฐบาลได้ประกาศไว้ทุกข์ 3 วันและประกาศให้วันอังคารเป็นวันหยุดราชการ
อายาตุลเลาะห์ ราฟซันจานี เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาคนสำคัญของ “อิมามโคมัยนี” อดีตผู้นำการปฏิวัติและผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
เขามีบทบาทและอิทธิพลในช่วงระหว่างการต่อสู้เพื่อต่อต้านกษัตริย์ชาห์ก่อนที่จะประสบชัยชนะ และสามารถสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้สำเร็จ
ราฟซันจานียังเป็นบุคคลสำคัญในช่วง 8 ปีของสงครามอิรัก-อิหร่าน (1980-1988) โดยทำหน้าที่เป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพ
เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่านในช่วงปี 2532-2540
บุคคลสำคัญของอิหร่านและของโลกได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของอดีตประธานาธิบดีแห่งอิหร่าน
อายะตุลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวแสดงความเสียใจ ต่อการจากไปอย่างกระทันหันของเพื่อนเก่าแก่ สหายสนิท และพันธมิตร ผู้นำสูงสุดอิหร่านชี้ว่าการเสียชีวิตของราฟซันจานีเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และยากลำบากที่จะรับมือ พร้อมทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือและมิตรภาพของพวกเขานั้นกินเวลายาวนานถึง 59 ปี
ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวยกย่องราฟซันจานีว่าเป็นเพื่อนที่ร่วมกันต่อสู้แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันก็ตาม เพราะความแตกต่างทางความคิดไม่เคยทำให้มิตรภาพระหว่างกันยุติลง
“ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราทั้งสองได้ร่วมใจกันเพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาของชาติ ถึงแม้เราจะมีทัศนะที่ขัดแย้งกันในบางเรื่อง แต่ไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ที่มากกว่า 59 ปีลงได้ และท่านคือผู้ที่ต่อสู้ในแนวทางการปฏิวัติอย่างแท้จริง” คอเมเนอีกล่าว
เช่นเดียวกับ ฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีคนปัจจุบันแห่งอิหร่าน ที่ได้เขียนข้อความแสดงความเสียใจ ย้ำว่า “อิสลามได้สูญเสียบุคลากรผู้ทรงคุณค่า อิหร่านได้สูญเสียผู้นำที่ยิ่งใหญ่”