แค่เรื่องกล้วยๆ เรื่องเดียวทำให้ลุกลามไปไกลจนกลายเป็น “ไฟลามเซเว่น” ไปซะแล้ว!!
เริ่มจากกระแสในโซเชี่ยล ที่ถูกเปิดประเด็นจากชาวเน็ตคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของโตเกียวบานาน่าไทย หรือในชื่อแบรนด์ว่า Sweet Banana ของบ.สยามบานาน่า เรื่องมีว่า ซีพีออล เกิดชอบใจในรสชาติขนมรสกล้วยเลยติดต่อเจรจาทางธุรกิจกัน โดยเสนอให้ทางสยามบานาน่าส่งขนมมาวางขายในร้าน 7-11 มีการประชุมพูดคุยกันหลายต่อหลายครั้ง เนื้อหาที่ชาวเน็ตเล่ายังบอกด้วยว่า เจ้าของสยามบานาน่าถึงขั้นไปกู้แบงค์มาลงทุนเปิดโรงงานทำขนมรสกล้วยดังกล่าว แต่การณ์กลับเป็นว่า ซีพีออล ยกเลิกดีล ทำให้เจ้าของสยามบานาน่าถึงกับมึน
แต่ที่มึนหนักมาก….คือการพบว่า 7-11 ออกขนมรสกล้วยมาวางขายในรูปลักษณ์เดียวกันเป๊ะ แถมราคาถูกกว่าซะด้วย
พอเป็นประเด็นในโซเชี่ยลและมีการแชร์เรื่องราวนี้กระจายออกไป ก็ตามธรรมเนียมสังคมโซเชี่ยลบ้านเราคือ ต้องมีดราม่าเกิดขึ้น
ดราม่าเรื่องขนมรสกล้วยลุกลามไปไกลเกินจะหยุดยั้ง ซึ่งจะว่าไปขนมรสกล้วยที่ว่านี้มันก็ถูก copy มาจาก “โตเกียวบานาน่า” ขนมยอดฮิตของญี่ปุ่นที่คนไทยนิยม โดยเลียนแบบต้นฉบับเขามาปรับปรุงรสชาติเพิ่มกล้วยจริงๆ ใส่เข้าไปในส่วนผสมนั่นเอง
อย่างไรก็ตามกระแสดราม่าขนมรสกล้วยได้ถูกปั่นจนเกิด “แรงสะท้อนกลับ” ทั้งบวกและลบ
แรงบวกก็คือ ปรากฎว่าขนมสวีทบานาน่าของสยามบานาน่าขายดิบขายดีมาก แม้ราคาจะสูงกว่าคู่แข่งมากก็ตาม แต่ผู้บริโภคซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองเชียร์ชาวเน็ตที่แห่ตามมาอุดหนุนด้วยความเห็นอกเห็นใจมวยรอง เลยทำให้สวีทบานาน่าถึงขั้นผลิตไม่ทันกันเลยทีเดียว
ส่วนแรงลบก็คือ กระแสการแบน 7-11 ลามไปต่อต้านและโจมตีบริษัทซีพี ด้วย ถึงขั้นมีการรณรงค์ให้วันที่ 11 เดือน 7 ต่อเนื่องกัน 5 วัน เป็นวันงดเข้าเซเว่น
การรณรงค์ไม่ซื้อของในเซเว่น อาจไม่ได้ทำให้ซีพีกระทบกระเทือนอะไรมากนัก เอาเข้าจริงก็เป็นเพียง “สัญลักษณ์” เพื่อประท้วงซีพีออล ให้ตระหนักในเรื่องของ “ธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ” เสียมากกว่าการหวังผลจริงจัง
แต่สิ่งที่กระเทือนแน่ๆ บนโต๊ะประชุมใหญ่ของผู้บริหารซีพี ก็คือ การที่ต้องตระหนักว่าพลังของโซเชี่ยลนั้นรุนแรงกว่าคิด และซีพีก็ไม่อาจมองข้ามสิ่งนี้ไปได้ แม้ว่าก่อนวันแบน 7-11 ไม่กี่วัน เพจ CP ALL บนหน้าเฟซบุคจะขึ้นอินโฟกราฟฟิก ชี้แจงว่า….. “ร้าน 7-Eleven กว่าครึ่งเป็นแฟรนไชส์ ซึ่งล้วนเป็นผู้ประกอบการรายย่อยของพี่น้องคนไทยทุกภูมิภาค”
ปรากฎว่า ฟีดแบคที่กลับมา ซีพีออลกลับโดนถล่มเพจหนักกว่าเดิม เพราะชาวเน็ตแฉกลับว่า ซีพีออลไปเปิดร้านแข่งกับร้านเฟรนไชส์ 7-11 ของตัวเองซะอย่างนั้น…..คอมเม้นต์ที่โต้กลับเผ็ดร้อนขนาดไหนลองดูกัน
ผู้ใช้เฟสบุ๊คคนหนึ่งบอกว่า “กว่าครึ่งนี่เค้ายังอยู่กันรอดอีกหรอคะ สาขาไหนขายดี ก็ไปเปิดใหญ่กว่า ครบกว่า ซะใกล้เชียว แหม่ๆ เค้ารู้ทันนะ หลอกซื้อเฟรนไชน์ได้เงินก้อน คนท้องที่ได้ปูทาง และทดลองการตลาดให้ และแล้วก็ฮุ๊บไปแดรก เอ้ย ไปทาน ใช่มั้ยคะ”
ขณะที่ผู้ใช้อีกคนก็บอกว่า “แหม่ อุตส่าห์จะกลบข่าวผูกขาด ว่าร้านเซเว่นกว่าครึ่งก็เป็นของพี่น้องประชาชนทั้งนั้น เราไม่ได้ผูกขาด เราแบ่งรายได้ให้ แต่ดั๊น ลืมไปว่าตัวเองชอบไปเปิดแย่งลูกค้าของแฟรนไชส์ที่ตัวเองขาย (หรือนึกว่าคนเค้าไม่รู้)”
เรียกว่าพอเกิดวิกฤตศรัทธาซะแล้ว จะขยับทำอะไรเลยกลายเป็นผิดวันยันค่ำ ทั้งที่กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้เรื่องของการเลียนแบบสินค้าที่ขายดีหรือทำแพคเกจให้ใกล้เคียงกับสินค้าที่ขายดีอยู่ก่อนแล้ว ออกมาวางขายใน 7-11 เป็นเรื่องที่ซีพีออล ทำมานานแล้ว ก่อนจะมีการเลียนแบบขนมรสกล้วยออกมาขายในนามแบรนด์เลอแปงเสียอีก
หรือแม้แต่เรื่องของการปลอมตราฮาลาลในสินค้าของซีพี ก็เคยมีกรณีร้องเรียนมาแล้วอีกเหมือนกัน ทำให้ภาพในมุมขององค์กรที่มีจริยธรรมหรือธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจของซีพี ติดลบอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นปัญหาที่เครือซีพีคงต้องคิดหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์ครั้งนี้กันไป
ถึงแม้จะมีหลายคนมองว่า ซีพีเป็นเครือข่ายธุรกิจที่ครอบคลุมการค้าจากต้นน้ำยันปลายน้ำ คุมตั้งแต่พืชผัก ปุ๋ย อาหารสัตว์ เนื้อสัตว์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ค้าปลีกค้าส่ง แถมยังใช้เงินมหาศาลบริจาคให้บรรดาพรรคการเมือง หน่วยงานภาครัฐ มูลนิธิและองค์กรการกุศลของชนชั้นนำระดับสูงมากๆ ของเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคอนเนคชั่นอันแข็งแกร่ง และสะดวกดายบนเส้นทางธุรกิจ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคหรือประชาชนว่าจะมองทางเลือกอื่นๆ หรือไม่ หรือว่ามัวยึดติดกับแบรนด์จนปิดกั้นทางเลือกของตัวเองให้ตีบตันซะเอง นั่นเพราะในความเป็นจริง เครือธุรกิจซีพีก็ใช่ว่าจะไม่มีคู่แข่ง แม้ว่าคู่แข่งทางธุรกิจจะดูไล่ตามหลังอยู่ห่างมากก็ตาม ก็ใช่ว่าผู้บริโภคจะไม่มีทางเลือกเอาเสียเลย อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ สัญญาณมือถือ ก็ใช่ว่ามีแต่ของซีพี จะบอกว่าผูกขาดก็ไม่ใช่
ไม่ปลื้มทรู ก็มีดีแทคกับเอไอเอส ไม่ชอบกินไก่ซีพี ก็มีไก่เบทาโกร มีสหฟาร์ม ไม่ปลื้ม 7-11 ก็มี family mart(ของเซ็นทรัล) มี 108 shop (ของสหพัฒน์) มีเฟรชมาร์ท (นรินทร์ จิยารมณ์) มีฟู้ดแลนด์ วิลล่า แม็กซ์แวลู่ เช่นเดียวกันเมืองไทยไม่ได้มีแค่แมคโคร โลตัส แต่มี บิ๊กซี ด้วย ตามต่างจังหวัดก็มีกระจายอยู่หลายพื้นที่
ไม่อยากให้ใครผูกขาดการค้าอยู่เจ้าเดียว ก็อยู่ที่ผู้บริโภคนั่นแหละที่จะต้องเลือกเอง!