โดย : ปรางค์ จูฑะศร
ไม่ แปลกใจว่าทำไม หนังของ GTH ถึงเป็นหนัง 100 ล้านแทบจะทุกเรื่อง ล่าสุดกับ “คิดถึงวิทยา” ที่แว่วมาว่าใกล้จะทะลุ 100 ล้านแล้ว (ข่าว ณ ขณะเขียนบทความนี้—ต้นเดือนเมษ.) เรียกว่าตามหนังรุ่นพี่เรื่องอื่นๆ ใน GTH มาติดๆ
ต้อง บอกก่อนว่าความน่าสนใจของหนังเรื่องนี่ไม่ใช่แค่นักแสดงนำทั้งสองเท่านั้น (พลอย เฌอมาลย์ และ บี้ สุกฤษฏิ์) แต่เป็นพล๊อตเรื่องที่ได้นำเค้าโครงมาจากเรื่องจริง โดยโจทย์หลักๆ ของการนำเสนอเรื่องคือ “คนสองคนที่ไม่เคยเจอกัน จะรักกันได้ไหม” ฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก่อนหน้านี้เรายังได้เห็นหนัง GTH เรื่อง “กวน มึน โฮ” ซึ่งพระเอก นางเอก เกิดรักกันที่ต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่สำหรับ คิดถึงวิทยา ดูเหมือนโจทย์จะยากกว่า เพราะทั้งพระเอก และนางเอกต่างก็ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน มีเพียงไดอารี่ 1 เล่มที่เป็นตัวเชื่อมโยงเรื่อง ให้ทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันผ่านการอ่านบันทึกจากไดอารี่เล่มนั้น แต่ GTH ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะถึงแม้ว่าการดำเนินเรื่องที่พระ-นางของเรื่องจะแทบไม่ได้เจอกันเลย แต่หนังก็สื่อออกมาได้ดี ผ่านการเล่าเรื่องของสองช่วงเวลาในสถานที่เดียวกัน
ต้น-นิธิ วัฒน์ ธราธร ผู้กำกับเรื่องนี้ เป็น 1 ในผู้กำกับแฟนฉัน ซึ่งผู้กำกับแฟนฉันแต่ละคน ก็จะมีสไตล์การทำหนังที่แตกต่างกันออกไป สำหรับต้นนั้น ก่อนหน้านี้เค้าคือผู้กำกับหนังเรื่อง Seasons Change และ หนีตามกาลิเลโอ จะเห็นได้ว่าทุกเรื่องของต้นจะเป็นสไตล์โรแมนติก ที่บอกเล่าเรื่องราวด้วยสถานที่ และบรรยากาศสวยๆ (Seasons Change บอกเล่าเรื่องราวความรักของเด็กวัยรุ่น ใช้ฉากสวยๆ จาก วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ หนีตามกาลิเลโอ บอกเล่าเรื่องราวของการเดินทาง และมิตรภาพของคำว่าเพื่อน โดยได้ไปถ่ายทำไกลถึง 3 ประเทศ คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิตาลี) ใครที่ได้ชม 2 เรื่องนี้มาแล้วก็ต้องบอกเลยว่า เป็นหนังที่เนื้อเรื่องน่ารัก อบอุ่น โรแมนติก และฉากสวยจริงๆ
สำหรับ “คิดถึงวิทยา” ก็เช่นกัน ฉากสวยๆ ในเรื่องนี้ถือเป็นกำไรให้กับคนดู โดยใช้ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง เป็นฉากหลัง และบรรยากาศของโรงเรียนเรือนแพกลางน้ำก็ทำให้หลายคนรู้สึกประทับใจกับความ รักที่ยิ่งใหญ่ของการเป็น “ครู” ที่เสียสละ และทุ่มเทให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนที่ห่างไกลผู้คน เช่นนี้
นอกจาก “คิดถึงวิทยา” จะเป็นหนังรักโรแมนติกน้ำดีของ GTH แล้ว สิ่งที่ผู้ชมได้รับกลับมาคือ เรื่องของแนวคิด และทัศนคติของคำว่า “ครู” ทั้งครูสอง (บี้ สุกฤษฎิ์) และครูแอน (พลอย เฌอมาลย์) ที่ทุ่มแรงกาย แรงใจให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนเรือนแพแห่งนี้ ที่มีเด็กทั้งหมดไม่ถึง 10 คน ทำให้ได้เห็นความยากลำบากที่ต้องข้ามน้ำข้ามเรือมาสอน ไม่เพียงแต่ครูที่นี่จะต้องให้วิชาความรู้แก่เด็กๆ แต่ครูยังต้องเป็นเหมือนพ่อแม่ของเด็กๆ อีกด้วย ที่น่าสนใจคือ การแสดงของ บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ที่เนียนๆ ไปกับบทบาทและคาแร็กเตอร์ของ “ครูสอง” ที่แรกๆ ต้องปรับตัวกับเด็กและสถานที่ (โรงเรียนแพกลางน้ำ) ค่อนข้างลำบาก การแสดงของบี้ทำให้คนดูเห็นความเป็นธรรมชาติและดูใสๆ ของเขา เรียกว่าเป็นบทบาทการแสดงที่น่ารัก คนที่เป็นแฟนคลับคงกรี๊ด ส่วนคนที่เคยเฉยๆ กับนักร้องหนุ่มคนนี้ก็อาจรู้สึกเอ็นดูเขามากขึ้น
ส่วน ที่โดดเด่นไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ บรรดาเด็กนักเรียนลูกชาวประมงในเรื่อง “คิดถึงวิทยา” ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังอีกเช่นกัน เด็กแต่ล่ะคนมีสตอรี่ต่างกันไป มีฉากที่เด็กๆ สร้างเสียงหัวเราะให้เราได้ และฉากที่ทำให้ซึ้งจนน้ำตาไหลได้เช่นกัน โดยเฉพาะการแสดงของเด็กๆ ที่ดูสดใสเป็นธรรมชาติมากๆ
กว่า บทความนี้จะเผยแพร่ คาดว่าหนังเรื่องอาจจะออกจากโรงแล้ว และจะออกเป็นแผ่นดีวีดีในไม่ช้า แต่ถ้ายังทำรายได้ต่อเนื่องก็คงยืนโรงได้อีกเป็นเดือน (ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะนานเท่าพี่มากพระโขนงไปได้แน่ๆ) เอาเป็นว่าใครชอบหนังสไตล์ feel good แบบ GTH หรือชอบนักแสดงนำทั้งสอง หรือชอบเนื้อเรื่องน่ารักๆ อบอุ่นหัวใจแบบนี้ ก็ลองไปดู “คิดถึงวิทยา” กันได้ถ้ายังฉายอยู่ ไม่ก็รอดีวีดีวางตลาด —-แล้วจะรู้ว่าคนเรา “ไม่ได้เหงาคนเดียว” …..หรอกนะ.