วิจารณ์หนัก! สันติบาลร่อนหนังสือถึงอธิการบดี ขอข้อมูลจำนวนนักศึกษามุสลิม พร้อมนิกาย

ผู้ใช้โซเชียลแชร์สนั่น สำเนาหนังสือจากตำรวจสันติบาลส่งถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัย ขอให้แจ้งจำนวนนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลาม พร้อมทั้งให้ระบุนิกาย รวมถึงข้อมูลการตั้งชมรม กลุ่ม ของนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลาม ประวัติประธานฯ จำนวนสมาชิกและแนวทางการเคลื่อนไหว

หนังสือดังกล่าวลงวันที่ 9 ก.ย. 62 จากหน่วยสันติบาลจังหวัดแห่งหนึ่งส่งถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อ้างถึงหน้าที่ของตำรวจสันติบาลในการสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ และได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้สืบสวนตรวจสอบ ประสานข้อมูลกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ว่ามีกลุ่มนักศึกษาอิสลามกำลังศึกษาอยู่หรือไม่

ดังนั้น หน่วยตำรวจสันติบาลจึงขอตรวจสอบข้อมูล ดังนี้

1. มีนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่หรือไม่ จำนวนเท่าใด นับถือนิกายอะไร

2. เป็นนักศึกษาในพื้นที่ หรือนักศึกษาที่มาจากนอกพื้นที่ จำนวนเท่าใด นับถือนิกายอะไร

3. ในมหาวิทยาลัยมีการจัดตั้งกลุ่ม หรือชมรมของนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามหรือไม่ หากมี ขอทราบชื่อกลุ่ม/ชมรม ประธานกลุ่ม/ชมรม พร้อมประวัติโดยสังเขป จำนวนสมาชิกในกลุ่ม แนวทางการเคลื่อนไหว

สำเนาหนังสือ

ทั้งนี้หลังจากหนังสือดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลก็นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการละเมิดและคุกคามนักศึกษามุสลิม

สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) ได้ออกแถลงการณ์ว่า “การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดและคุกคามความเป็นอยู่ของนักศึกษา ตลอดจนเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคมที่มีการขนานนามว่าพหุวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยควรเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่นักศึกษาสามารถจะแสดงความคิดเห็น และเป็นพื้นที่ที่สามารถคุ้มครองซึ่งสิทธิที่นักศึกษาพึงได้รับ”

“สมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย (สนมท.) ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง มหาวิทยาลัย ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ตัดสินใจหรือทำการต่างๆบนพื้นฐานของการรักษาซึ่งความเป็นเอกภาพ ภารดรภาพ และพึงรักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนอันเป็นสิทธิ์พื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ หากชมรมมหาวิทยาลัยใดได้รับหนังสือตามที่กล่าวข้างต้น สามารถติดต่อทางสมาพันธ์ฯเพื่อดำเนินการหาทางออกร่วมกัน” แถลงการณ์สนมท.ระบุ

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีตรัฐมนตรีและส.ส.หลายสมัยจังหวัดนราธิวาส แกนนำพรรคประชาชาติในปัจจุบันได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยระบุ “หยุด คุกคาม สิทธิ เสรีภาพ นักศึกศึกษามุสลิม”

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวหลังได้เห็นสำเนาหนังสือว่า “ถ้าสันติบาลทำหนังสือถึงมหาวิทยาลัยเช่นนี้จริง ก็ไม่ทราบว่าสันติบาลคิดอะไรอยู่และกระทำเช่นนี้เพื่อต้องการอะไร เพราะการกระทำเช่นนี้ นี้ถือเป็น การแทรกแซงสิทธิความเป็นส่วนตัว การเลือกปฏิบัติทางศาสนา เป็นอคติและหวาดระแวงนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลามโดยตรง และเป็นการแทรกแซงสถาบันการศึกษาซึ่งต้องมีเสรีภาพทางวิชาการ”

“อันที่จริงแต่ละมหาวิทยาลัยมีแนวทางในการคุ้มครองและให้คำแนะนำรวมถึงมีอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำในการจัดกิจกรรมของนักศึกษาอยู่แล้ว หน่วยงานความมั่นคงโดยเฉพาะสันติบาลควรเคารพการทำหน้าที่ของสถาบันการศึกษา และเสรีภาพทางวิชาการ อันที่จริงเวลานักศึกษาหรือชาวบ้านจัดกิจกรรม ก็มักมีสันติบาลตามมาบันทึกภาพ หรือวิดีโออยู่แล้วโดยตลอด การทำหนังสือลักษณะนี้จึงถือเป็นการแทรกแซงสิทธิเสรีภาพ รวมถึงสิทธิในความเป็นส่วนตัวของบุคคลโดยตรง การจะอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงน่าจะต้องมีข้อมูลที่เชื่อถือได้มากกว่านี้ไหม”

“เรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนาได้รับการคุ้มครองทั้งจากรัฐธรรมนูนและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองแบะสิทธิทางการเมือง การที่บุคคลใดจะนับถือศาสนาใดหรือนิกายใด หรือเป็นคนที่ไม่นับถือศาสนาใดย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล” นางอังคณาระบุ

ล่าสุด มติชนรายงานว่า พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า หนังสือฉบับดังกล่าว เป็นหนังสือของ กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล จริง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ ในการจัดทำฐานข้อมูลและบริหารงานข่าวกรองเกี่ยวกับ สถานการณ์ บุคคล หรือกลุ่มบุคคลในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานของ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล โดยมีการจัดเก็บข้อมูลไปยังสถานบันการศึกษาที่มีความรับผิดชอบ ภายใต้การรักษาความปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยคุ้มครองความลับในราชการ กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ และ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ

ตามรายงานของมติชน รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลด้านข่าวกรอง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวนั้น ได้มีการดำเนินการ ไปยังสถานบันการศึกษาต่างๆหลายสถาบัน โดยไม่มีนัยยะสำคัญใดๆ ถือเป็นวงรอบการจัดทำฐานข้อมูลทางด้านการข่าวโดยปกติ