ศอ.บต. ผนึกความร่วมมือกับประเทศมาเลเซีย หนุนการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 แห่ง หวังยกระดับมูลค่าการส่งออก-นำเข้า ให้สอดรับการพัฒนาเมืองต้นแบบในอนาคต

โดยวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 63  ณ สถานกงสุลใหญ่ เมืองโกตาบารู ประเทศมาเลเซีย  พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานการประชุมหารือและประสานการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ในการขับเคลื่อนกำหนดแนวทางการบริหารจัดการด่านศุลกากรชายแดน ไทย – มาเลเซีย ทั้ง 9 แห่ง  โดยมี นายมงคล สินสมบูรณ์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู  นายอิสระ ละอองสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. รวมถึงผู้แทนจากด่านชายแดนจังหวัดนราธิวาส อาทิ ด่านสุไหงโกลก ด่านตากใบ และด่านบูเก๊ะตา อำเภอแว้ง  และผู้แทนเจ้าหน้าที่ด่านชายแดนประเทศมาเลเซีย อาทิ ด่านบูกิตบูหงา ด่านรันเตาปันยัง และเปิงกาลันกุโบร์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวระหว่างการหารือว่า รัฐบาลของประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 แห่งอย่างต่อเนื่องเพื่อหวังให้พลิกฟื้นสภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งด่านในจังหวัดนราธิวาสต้องเร่งผลักดันเพื่อเสริมการพัฒนาให้สอดรับกับโครงการเมืองต้นแบบฯ โดยด่านโกลกจะเร่งพัฒนาเพื่อให้มีความพร้อมในการส่งออกผลผลิตทางการเกษตร ในขณะที่ด่านบูเก๊ะตาจะผลักดันให้แล้วเสร็จเพื่อสามารถเชื่อมโยงขนส่งและการค้าขายสินค้าระหว่างชายแดนทั้งสองฝั่ง และด่านตากใบจะต้องปรับเพื่อให้มีความพร้อมของแพขนส่งสินค้าและอาหารทะเล โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสองประเทศเพื่อหารือร่วมกัน เชื่อว่าในอนาคตจะได้มีการนำข้อเสนอครั้งนี้ไปปรับใช้ในการบริหารงานและนำมาสู่ความร่วมมือที่ตรงกันมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จากการประชุมได้มีข้อเห็นชอบร่วมกันในการดำเนินการเพื่อเปิดด่านตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากสามารถอำนวยความสะดวกและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ได้มีการเน้นย้ำถึงมาตรการในการควบคุมการลักลอบนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่ผิดกฎหมายด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้แทนเจ้าหน้าที่ฝ่ายมาเลเซีย เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ ศอ.บต. กำลังผลักดันพร้อมเร่งดำเนินการให้มีการพัฒนาด่านชายแดนทั้ง 9 แห่งของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงด่านตอนเหนือของมาเลเซียรองรับการต่อยอดด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไป