ลงนามรอบ 2 ก่อสร้างศูนย์แพทย์ฯ ม.วลัยลักษณ์ แล้วเสร็จปี ’62

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และบริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด  (มหาชน) ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ พร้อมระบบสาธารณูปการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มูลค่า 2,128  ล้านบาท แล้วเสร็จ  ปี พ.ศ.  2562

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558 ดร.สุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และนายพิสันต์ จินตนาภักดี กรรมการบริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มูลค่า 2,128 ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประธานสักขีพยานพร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาครัฐภาคเอกชน กรรมการสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะผู้บริหาร บุคลากร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์   ผู้แทนจากบริษัทเพาเวอร์ไลน์  เอ็นจิเนียริ่ง  จำกัด(มหาชน)และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมโมคลาน   อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ดร.สุเมธ แย้มนุ่น กล่าวว่า หลังจากที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ได้ทำการประกวดราคาด้วยวิธีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์การแพทย์ฯ พร้อมระบบสาธารณูปการไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยบริษัททีผ่านคุณสมบัติและเสนอราคาต่ำสุดชนะการประกวดราคา คือ บริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ซึ่งเสนอราคาต่ำสุดอยู่ที่ 2,128 ล้านบาทถ้วน หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขออนุมัติขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันกรณีระยะเวลาการดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเกินกว่าระยะเวลาที่ ครม.อนุมัติไว้ เนื่องจากมีการบอกเลิกสัญญาจ้างเดิม และดำเนินการประกวดราคาจ้างใหม่ จากปีงบประมาณ 2554-2560 เป็นปีงบประมาณ 2554-2562  ซึ่งได้รับอนุมัติจากพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้วเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2558  ส่งผลให้ ม.วลัยลักษณ์   สามารถลงนามสัญญาก่อสร้างได้ใหม่ทันที

ดร.สุเมธ   แย้มนุ่น  กล่าวถึงโครงการศูนย์การแพทย์ฯ มวล.ว่า โครงการดังกล่าวสร้างขึ้นบนเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ประกอบด้วย กลุ่มอาคารศูนย์การแพทย์ สำหรับการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาในสาขาทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพฝึกอบรมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ การค้นคว้าวิจัยทางคลินิกและวิจัยประยุกต์ให้บริการผู้ป่วยในระดับตติยภูมิ (Tertiary Care) ในเขตภาคใต้ตอนบนและประชาชนทั่วไปในระบบ People-Centered Health Care ให้บริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ผู้ป่วยหนัก (ICU) และฉุกเฉินมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 400 เตียง และยังสามารถขยายตัวเพื่อรองรับการให้บริการถึง 750 เตียง

นอกจากนี้  ยังให้บริการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมด้วยห้องปฏิบัติการและอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย อาทิ การตรวจชิ้นเนื้อ ศัลยกรรมการตรวจเซลล์วิทยา  เฝ้าระวังการอุบัติของโรคภัยต่างๆ ทั้งโรคอุบัติซ้ำและอุบัติใหม่ นำไปสู่การค้นคว้าวิจัย การเฝ้าติดตาม พร้อมการป้องกันรักษา  กลุ่มอาคารวิทยาการสุขภาพ ประกอบด้วยศูนย์วิจัยวิทยาการสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู คลินิกทันตกรรม มีอาคารที่พักแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  ทั้งนี้สัญญาที่ลงนามในครั้งนี้ มีระยะดำเนินการภายใน1,400 วัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2562

นายพิสันต์ จิตนาภัคดี กรรมการบริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า ทางบริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) พร้อมที่จะดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามสัญญาที่ได้ร่วมลงนามกันในวันนี้ จึงอยากให้คณะผู้บริหารของมหาลัย และพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ไว้วางใจบริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ว่าจะดำเนินการก่อสร้างเป็นไปอย่างมาตรฐาน มีคุณภาพที่สุดแล้วเสร็จทันตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ในการสร้างอาคารโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ   อย่างไรก็ตามจะรับผิดชอบดูแล แก้ไขปัญหา ข้อบกพร่องให้อย่างใกล้ชิดในระยะเวลา 3 ปีหลังจากแล้วเสร็จด้วย”