โอกาสครั้งสำคัญของผู้ประกอบการมุสลิม! งานมุสลิมไทยแฟร์ (MuslimThai Fair – MTF 2015) กระหึ่ม ณ สนามกีฬาหัวหมาก 30 ตุลาคมนี้

หนังสือพิมพ์มุสลิมไทยโพสต์ และสมาคมการค้านักธุรกิจไทยมุสลิม  ร่วมกับองค์กรและมูลนิธิต่างๆ ในส่วนกลาง จับมือจัดงาน “มุสลิมไทยแฟร์ MuslimThai Fair 2015” ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปี 2558 ณ ลานพลาซ่าสนามกีฬาหัวหมาก โดยมีนักธุรกิจร่วมแสดงสินค้ากว่า 200 บูธ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2558

ในงานมีการแบ่งโซนต่างๆ ที่น่าสนใจดังเช่น โซนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม (Clothing Zone) , โซนอาหาร (Food Zone), โซนสนามเด็กเล่น  (Kid Zone), ถนนคนเดิน (Walking Street) , โซนธุรกิจ Business Zone, โรงแรมและที่พัก (Travel Zone) เป็นต้น

ทั้งนี้ผู้จัดงานคาดหวังว่า งานมุสลิมไทยแฟร์ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งและเป็นก้าวสำคัญของมุสลิมในประเทศไทยที่สามารถแสดงศักยภาพทางด้านธุรกิจอย่างจริงจัง โดยเมื่อวันที่ 7 กันยายน 58 ได้มีการเปิดจองบูธ ณ ร้านไก่ย่าง จีระพันธ์ (พระรามเก้า ตัดใหม่) ซึ่งมีนักธุรกิจให้ความสนใจอย่างมากมาย

กล่าวสำหรับสนามกีฬาหัวหมาก เป็นพื้นที่ทำเลทองด้วยเหตุที่ว่าเป็นใจกลางย่านชุมชนมุสลิม และเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของพี่น้องมุสลิมหลายแสนคนในย่านรามคำแหง,บางกะปิ,สะพานสูง,มีนบุรี,หนองจอก,พัฒนาการ,อ่อนนุช และพระโขนง ดังจะเห็นจากการจัดงานในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงานมหกรรมท่องเที่ยวชายแดนใต้ งานมุสลิมไทยเอ็กโปร์ และงานบางกอกฮาลาล ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจอย่างมากมายจากประชาชนชนชาวไทยทุกศาสนิก

awvinyl02 copyปัจจัยที่ทำให้งาน “มุสลิมไทยแฟร์ 2015” ได้รับการยกย่องให้เป็นงานแสดงสินค้าและธุรกิจของมุสลิมชั้นนำ คือ เป็นการรวมตัว รวมกลุ่มของผู้ประกอบการต่างๆ มีมีศักยภาพของมุสลิมและได้มีการจัดแสดงสินค้าในพื้นที่ทำเลทองของกรุงเทพฯ เพราะสนามกีฬาหัวหมากเป็นพื้นที่ระดับชาติ ที่มีประชาชนทั่วประเทศรู้จักเป็นอย่างดียิ่ง
การจัดงานในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าตลอด 3 วันจะมีผู้ร่วมงานกว่าสองหมื่นคน นอกเหนือจากการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนแล้วยังนำไปสู่ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาล และสินค้าของมุสลิมไทยอีกด้วย  โดยในปีต่อไปๆ ก็จะมีการจัดงานและเพิ่มศักยภาพในครอบคลุมทั้งสี่ภาคของประเทศไทยต่อไป
สำหรับผู้สนใจทั่วไปที่ประสงค์จะร่วมแสดงสินค้าในงานมุสลิมไทยแฟร์นั้น สิ่งหนึ่งจำเป็นจะต้องทราบถึงวัตถุประสงค์และการออกบูธแสดงสินค้าต่างๆว่า การออกบูธในงานดังกล่าวนับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้สนใจหรือผู้ประสงค์ต้องการแสวงหาโอกาสในการสร้างธุรกิจใหม่ หรือร่วมลงทุนดำเนินกิจการต่างๆ ก็สามารถใช้เวทีแห่งนี้ในการหากลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจได้โดยง่าย

หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่าการไปออกบูธแสดงสินค้าไม่ได้มีประโยชน์แค่แสดงสินค้าหรือบริการเท่านั้น เพราะยังมีประโยชน์ซ่อนเร้นที่ช่วยให้เราสามารถสยายปีกและเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคงได้อีกด้วย ดังเช่น

1. เข้าถึงลูกค้า: ออกบูธแสดงสินค้าเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการให้กลุ่มเป้าหมายทราบ

การออกบูธแสดงสินค้าหรือบริการถือเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการได้ดีมากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะองค์ประกอบที่จะทำให้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ได้ผล    เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มาเดินภายในงานได้เป็นจำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาเดินตามงานต่างๆ ที่ผู้ประกอบการไปออกบูธแสดงสินค้าก็มักสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานที่จัดแสดงอยู่แล้ว ทำให้สามารถสื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งประโยชน์ข้อนี้คือจุดเด่นที่สุดของการไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการ

2. เพิ่มยอดขาย: ออกบูธแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มช่องทางและโอกาสในการขาย

เพราะแม้ว่าช่วงระยะเวลาในการจัดงานจะน้อยและไม่ใช่ช่องทางการขายสินค้าหรือบริการที่มั่นคงถาวร แต่งานที่จัดขึ้นก็มักเป็นแหล่งชุมนุมของบรรดาลูกค้าชั้นดีที่ต่างแห่แหนมาร่วมงานกัน จึงทำให้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดไม่ใช่เป็นอุปสรรค แต่อย่างใด  และบ่อยครั้งจะมีการสร้างสายสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต

3. โชว์ศักยภาพธุรกิจ: ออกบูธแสดงสินค้าและบริการเพื่อโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่

การออกบูธแสดงสินค้าถือเป็นโอกาสทองในการแสดงศักยภาพสินค้า บริการ หรือการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ อีกด้วย เพราะสามารถเข้าถึงและสื่อสารกับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก โดยในหลายๆครั้ง ห้างร้านหรือหน่วยงานต่างๆ จะนำกิจกรรมหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาแสดงให้ลูกค้าได้รับทราบ ได้เห็น ซึ่งนี้เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ สามารถลบล้างปัจจัยลบต่างๆได้อย่างสิ้นเชิง หรือบางครั้งมีการนำเสนอสินค้าและวัตกรรมใหม่ๆอีกด้วย

layout0 copy

4. จับคู่ธุรกิจ: แสดงสินค้าและบริการเพื่อหาคู่ค้าทางธุรกิจ

แน่นอนว่าการออกบูธจะได้มีโอกาสร่วมรับฟังพูดคุย และจับมือเป็นคู่ค้าทางธุรกิจหรือพันธมิตร  การได้แลกเปลี่ยน นำเสนอความคิด ต่อยอดไอเดียต่างๆล้วนเกิดขึ้นในงานดังกล่าวนี้ และหลายๆครั้งผู้ประกอบการหรือเจ้าของ หรือผู้บริหาร สามารถสานต่อธุรกิจต่างๆที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย ดังเช่นผู้จัดจำหน่าย อาจจะได้เจอกับผู้ผลิต หรือผู้ผลิตอาจจะได้มีโอกาสพบกับตัวแทนจำหน่ายในเขตพื้นที่ ซึ่งสินค้ายังไม่มีจำหน่ายเป็นต้น

5. รับรู้ข้อมูลทางธุรกิจ :  เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับลูกค้าและกลุ่มธุรกิจ

การออกบูธสินค้ามีข้อดีอีกหนึ่งอย่างคือเป็นการสื่อสารสองทางที่ผู้ประกอบการสามารถรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถแนะนำสินค้าและบริการกลับคืนสู่ทั้งลูกค้าและคู่ค้าอีกด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้ข้อมูลอันป็นประโยชน์ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้พัฒนาธุรกิจได้ในอนาคต

6. สำรวจตลาด : สำรวจคู่แข่ง

การออกบูธสินค้านอกจากจะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจแล้ว ยังถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้ประกอบการได้พบกับคู่แข่งด้วย จึงเป็นช่วงสำคัญและมีประโยชน์อย่างมากเพราะผู้ประกอบการสามารถสำรวจตรวจสอบความก้าวหน้าของคู่แข่ง และสามารถสำรวจตลาดไปในตัวได้อีกด้วย ทั้งนี้เพราะหากไม่ออกงานแสดงสินค้าเลย ก็เหมือนกับว่าไม่เคยออกจากนอกบ้าน จึงไม่รู้ว่าปัจจุบันตลาดมีความต้องการมากน้อยเพียงใด ได้แต่นั่งมโน และเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าคู่แข่งได้มีการพัฒนาต่อยอดด้านธุรกิจอย่างไรบ้างแล้ว

7. สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า: เพื่อสร้างฐานข้อมูลลูกค้า

แม้ผู้ประกอบการจะไม่มีสินค้าหรือบริการไปออกบูธแสดงสินค้าแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ผู้ประกอบการก็ควรต้องไปออกบูธที่งานเพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูลของลูกค้าผู้บริโภค ไม่มีโอกาสไหนแล้วที่ผู้บริโภคจะรวมตัวกันมากขนาดนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรฉวยโอกาสนี้ไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการด้วยประการทั้งปวง แม้ไม่ได้ตัวเงินกลับมา อย่างน้อยก็ขอให้ได้ฐานข้อมูลลูกค้าก็ยังดีเพราะบางครั้งข้อมูลเหล่านี้อาจมีค่าและประโยชน์มากกว่าเงินเสียอีก

• • •

หากผู้ประกอบการใส่ใจและมองเพียงแค่ผลลัพธ์ของการทำธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียว ก็จะไม่มีทางมองเห็นคุณประโยชน์อันมหาศาลของการไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการอย่างแน่นอน เพราะการไปออกบูธแสดงสินค้าและบริการไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างผลกำไรและความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วเหมือนการขายของ แต่เป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องคอยเก็บดอกเก็บผลในวันข้างหน้าเสียมากกว่า ขอบคุณ/เรียบเรียงข้อมูลจาก www.incquity.com
สำหรับผู้สนใจต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ www.muslimthaipost.com โทร 080-284-8000, 080-284-9000 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป