มันน่าจะเป็นการจูบลาที่เงียบและน่าภาคภูมิ และเป็นจูบสุดท้ายสำหรับลูกสาวตัวน้อยของเขา แต่พ่อที่กำลังเศร้าเสียใจไม่สามารถจะปล่อยร่างของลูกสาวตัวน้อยของเขาได้ และร้องอกมาว่า “ตื่นสิ ลูก ลูกจ๋า ตื่นสิ!” เมื่อสองสามวันก่อน ถ้อยคำและอ้อมกอดของเขาคงจะปลุกลูกสาววัยสามขวบของเขาให้ลืมตาสดใสขึ้นมาได้ แต่ไม่ใช่หลังจากรุ่งสางของวันอาทิตย์ (11/10/2015)
ร่างเล็กๆ ของเธอเย็นและแข็ง เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน และตอนนี้เธอจะต้องถูกหามพร้อมกับแม่ของเธอ นูร ฮัซซัน วัย 30 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ เพื่อไปยังหลุมฝังศพของพวกเธอ
“พอแล้วๆ” ผู้ร่วมไว้อาลัยกล่าวกับพ่อวัยหนุ่ม เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้องนำร่างของเธอไปร่วมละหมาดบ่าย และหลังจากนั้นจะนำเธอไปฝังที่สุสานของเมืองกาซ่าซิตี้ แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับผู้เป็นพ่อ เขาต้องการที่จะกอดเธอไว้ให้นานอีกสักนิด
มันเป็นวันที่หัวใจสลายและร้ายแรงสำหรับคุณพ่อที่ยังหนุ่มและได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่รอดชีวิต พร้อมกับลูกชายวัยสองขวบที่ยังอยู่ในอาการโคม่า จากการโจมตีที่เกิดคืนในคืนที่เครื่องบินรบลำหนึ่งของอิสราเอลได้ยิงเข้าใส่บ้านข้างๆ ซึ่งทำให้บ้านของพวกเขาพังลงมาทับพวกเขา
ยะห์ยา ฮัซซัน พ่อผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถให้ตัวเองปล่อยลูกสาวของเขาไปได้ “ราฮัฟ” เขาคร่ำครวญ ขณะที่ลูบผมนุ่มๆ บนศีรษะของลูกสาว “ราฮัฟ!”
ในคืนวันเสาร์ ทีมกู้ภัยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อค้นหาร่างของราฮัฟใต้ซากของบ้านที่ถูกทำลายเสียหายของพวกเขา เธอถูกพบจมอยู่ใต้ซากอิฐหินดินทราย ใบหน้าฟกช้ำ มีบาดแผลและถูกปกคลุมด้วยเศษฝุ่นซีเมนต์ เธอขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต
ราฮัฟ เป็นคำภาษาอาหรับที่แปลว่า ความประณีตบรรจงอย่างยิ่ง และความทรงจำสุดท้ายของเธอก็คือ ใบหน้าและอ้อมกอดของแม่ ก่อนที่แสงอาทิตย์จะนำพวกเธอไปสู่การพักผ่อนตลอดกาล
“สงครามที่โหดร้ายที่สุดเท่านั้นที่ทำกันตอนกลางคืน กับผู้คนที่กำลังหลับไหลที่ไม่มีทางเลือกว่าตัวเองจะตายอย่างไร ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่าผมจะตายอย่างไร” อบูฮาติม ญาติคนหนึ่งของฮัซซันกล่าวระหว่างพิธีศพ
ทุกคนที่ได้เห็นพ่อคนนี้มีความรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง วิดีโอของผู้ร่วมไว้อาลัยถูกเผยแพร่ทางสื่อสังคมทั่วโลก หลังจากเกิดความวุ่นวายหลายวันในเยรูซาเล็มและเวสต์แบงก์ กาซ่าถูกดึงเข้าสู่ความรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว โดยมีการปะทะกันตามแนวกำแพงกั้นเขตของอิสราเอล ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 21 คน และบาดเจ็บมากกว่า 1,000 คน ในดินแดนที่ถูกยึดครองทั้งหมด รวมทั้งวัยรุ่นที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนของอิสราเอล
https://www.youtube.com/watch?v=wNOtwmkxc4I
“เสียงหัวเราะของราฮัฟบนแผ่นดินได้เงียบหายไปตลอดกาลแล้ว” อบูฮาติมกล่าว ขณะที่พยายามปลอบผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังร้องไห้ระหว่างพิธีศพ เมื่อผู้ร่วมไว้อาลัยกล่าวลากับนูร ฮัซซัน แม่ของราฮัฟ
ตุ๊กตาตัวโปรดของราฮัฟ ที่สวมเสื้อสีเขียว ถูกค้นพบจากใต้ซากของบ้านในชุมชนเกษตรกรแห่งนี้ รอคอยให้ราฮัฟกลับมาเล่น พูดคุย และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มัน
ในละแวกใกล้เคียงกันนี้ยังคงอยู่ในความตกตะลึงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาโกรธแค้นกับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นความโหดร้ายของอิสราเอล และกลัวว่าไม่มีใครใส่ใจกับครอบครัวชาวกาซ่าที่ถูกปิดล้อมอีกแล้ว พวกเขานอนอยู่บนเตียงและถูกฆ่าโดยกำลังทหารของอิสราเอล
“ราฮัฟตายแล้ว ภรรยาและลูกที่ยังไม่ได้คลอดของผมตายแล้ว” ยะห์ยา พ่อและสามีที่กำลังเศร้าโศกเสียใจตะโกนร้อง
เด็กๆ ในละแวกใกล้เคียงมารวมตัวกันรอบๆ บ้านที่เสียหายยับเยินจากจรวดนำวิถี เอฟ-16 ของอิสราเอล ทุกอย่างของครอบครัวฮัซซันกระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่ง บิดเบี้ยว ฉีกขาดและแตกหัก
“ได้โปรดพาเธอมาหาผม ผมจะได้เห็นเธอเป็นครั้งสุดท้าย” ยะห์ยาที่กำลังนอนอยู่บนเสื่อร้องขอทั้งที่ยังร้องไห้อยู่ เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนและขา และไม่สามารถลุกขึ้นจากพื้นได้ ขณะที่ลูกสาว ภรรยา และลูกที่ยังไม่คลอดของเขาถูกนำไปฝัง
คืนที่เลวร้าย
“เราถูกปลุกให้ตื่นกลางดึกเพราะบ้านสั่นสะเทือนจากจรวดลูกแรกที่ตกลงใกล้บ้าน นูร ภรรยาของผมตะโกนว่า “เกิดอะไรขึ้น” ขณะที่ผมลุกขึ้นจากเตียง
ยะห์ยาบอกกับภรรยาว่าเขาจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และทันใดนั้นทุกอย่าง แท้งก์น้ำ ผนัง และหลังคาก็เริ่มตกลงมาใส่พวกเขา
“ผมได้ยินราฮัฟ ลูกสาวของผมหวีดร้องว่า ‘ปาป้า มานี่หน่อย เอาหนูออกไปที ก้อนหินอยู่บนหัวหนู’” เขาทบทวนความจำทั้งน้ำตา
เสียงของราฮัฟเงียบไปด้วยจรวดลูกต่อมาของอิสราเอล และเขาเดินกระโผลกกระเผลกไปจนทั่วเพื่อพบว่าภรรยาที่ตั้งครรภ์ของเขาจมกองเลือดอยู่บนพื้น
ยะห์ยาบอกว่าเขารู้สึกไร้เรี่ยวแรง ที่ไม่สามารถไปถึงตัวลูกสาวที่ยังคงส่งเสียงเรียกหาเขาอยู่ได้ เขายังรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขณะที่ลูกชายวัยสองขวบของเขานอนบาดเจ็บอยู่ และเพิ่งฟื้นจากภาวะไม่รู้สึกตัวช่วงสั้นๆ
เจ้าหน้าที่กู้ชีพประจำรถพยาบาลคนหนึ่งบอกว่า เขามาถึงที่เกิดเหตุ ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ขณะนั้นยะห์ยาไม่รู้สึกตัว ไม่สามารถบอกได้ว่ามีคนอยู่ในบ้านที่ต้องค้นหากี่คน
8.00 น. ที่โรงพยาบาล
เช้าวันนั้น ที่โรงพยาบาล ยะห์ยา ฮัซซัน ถามญาติของเขาถึงภรรยาและลูกสาว ด้วยความพยายามที่จะช่วยเขาจากความเจ็บปวด พวกเขาต้องโกหกและบอกไปว่า ภรรยาและลูกๆ ของเขายังมีชีวิตอยู่
แต่ยะห์ยายืนกรานที่จะให้พาเขานั่งเก้าอี้รถเข็นไปดูพวกเขาที่โรงพยาบาลชีฟา
“ประตูห้องเก็บศพเปิดออก และภรรยากับลูกสาวของผมอยู่ที่นั่น ตาย พวกเขาตายแล้ว” เขาตะโกนร้องทั้งน้ำตา
“ตื่นสิลูก ตื่น ตื่นขึ้นมาสิ” ผู้เป็นพ่อเรียกลูกสาวของเขาในห้องเก็บศพที่เย็น
ยะห์ยา ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ชนบทร่วมกับชาวไร่ชาวนาในเมืองซัยตูน ทางตะวันอกของกาซ่าซิตี้ ทุกคนบอกว่าพื้นที่นี้ไม่เป็นอันตรายต่ออิสราเอล เพราะเกษตรกรตื่นแต่เช้าและเช้านอนแต่หัวค่ำหลังจากทำงานมาตลอดวัน
คำตอบอย่างเป็นทางการของอิสราเอลก็คือ จรวดมุ่งเป้าโจมตี “โรงงานผลิตอาวุธสองแห่งของฮามาส”
ฮัซซัม ฮัซซัน ลูกพี่ลูกน้องของยะห์ยา ตอบโต้ข้ออ้างของอิสราเอลด้วยการกล่าวว่า พวกเขาไม่เคยเป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล พวกเขาเป็นแค่ชุมชนชาวไร่ชาวนาจนๆ ที่ปลูกผักให้กับตลาดท้องถิ่น
“ของเล่นพวกนั้นเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้กับอิสราเอลอย่างนั้นหรือ?” ฮัซซัมถามขณะที่อุ้มเด็กๆ ที่สวมเสื้อผ้าขาดๆ และถือของเล่นเก่าๆ ขาดๆ
“ทำไมอิสราเอลต้องฆ่าภรรยาและลูกสาวของเรา? พวกเขาทำบาปอะไร?” ยะห์ยาถาม ขณะที่เขาระลึกถึงช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะเข้านอน ราฮัฟขอให้พ่อเล่นเกมกับเธอก่อนเข้านอน
เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เพราะแผลลึกจากเศษกระสุนในขาทั้งสองข้างของเขา เขารู้ว่าเขาไม่เหลืออะไรเกี่ยวกับราฮัฟอีกแล้ว นอกจากความทรงจำและตุ๊กตาในซากปรักหักพังของก้อนอิฐก้อนหิน
“อิสราเอลทำลายชีวิตของผม… ภายในพริบตา พวกเขาทำให้ภรรยาของผม ลูกสาวและลูกที่ยังไม่เกิดของผม บ้านของผม และลูกชายของผม กลายเป็นบาดแผลทางใจตลอดไป” ผู้เป็นพ่อบอกกับ MEE ทั้งที่ยังร้องไห้อยู่
ยะห์ยา ฮัซซันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ทุกคนที่มาแสดงความเสียใจรู้ว่า เขาจะต้องเข้ารวมในแถวของครอบครัวที่ไม่มีบ้านอีกหลายพันครอบครัว ที่กำลังรอวัสดุก่อสร้างมาถึงกาซ่า เพื่อสร้างบ้านใหม่หลังจากการโจมตีของทหารอิสราเอลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
สำหรับผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์เมื่อวันจันทร์ มันเป็นความสะเทือนใจที่ได้เห็นพ่อคนนี้ขอกอดลูกสาววัยสามขวบที่เสียชีวิตแล้วของเขาเป็นครั้งสุดท้าย แค่อีกสักสองสามวินาที
ยะห์ยาไม่สามารถอธิบายกับลูกชายวัยสองขวบของเขาได้ว่าทำไมแม่ของเขาจึงต้องไป เขาเห็นร่างที่เย็นชืดและใบหน้าที่ไม่ตอบสนองของเธอ และไม่มีใครอธิบายได้ว่าทำไมเขาจึงเล่นกับราฮัฟ พี่สาวของเขาไม่ได้อีกแล้ว
—-
แปลจาก http://www.middleeasteye.net/in-depth/features/wake-daddy-928391543
นักแปล, โต๊ะข่าวต่างประเทศ