“ดิ อินดิเพนเดนท์”รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ”ไอเอ็มเอฟ”ได้ประเมินสถานการณ์ระบุว่า ซาอุดิอาระเบีย ชาติยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของภูมิภาคตะวันออกกลาง อาจต้องเผชิญภาวะล้มละลาย จากสถานการณ์เงินคงคลังหมด และทรัพย์สินในต่างประเทศหมด ส่วนใหญ่จากภาวะขาดทุนราคาน้ำมันโลก ที่ซาอุฯเป็นสมาชิกรายใหญ่ของกลุ่มโอเปก
โดยไอเอ็มเอฟได้เปิดเผยใน รายงานสำรวจเศรษฐกิจและการเงินโลกประจำปี2015 ระบุว่าซาอุดิอาระเบียอาจต้องเผชิญสถานการณ์”ล้มละลาย”ได้ในอนาคตอันใกล้โดย ปัจจุบันซาอุฯมีเงินสดคงคลังหมดแล้วและมีทรัพย์สินทางการเงินที่เหลืออยู่ ที่คาดว่าจะถูกใช้หมดภายในระยะเวลา 5 ปี
โดยในปีนี้ ซาอุดิอาระเบีย จะต้องเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณการเงินราว 26 เปอร์เซ็นต์ และปีหน้า 19.4 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงกว่าปี 2014 ราว 3-4 เปอร์เซ็นต์ โดยขณะนี้ ซาอุฯได้ถอนเงินจากสถาบันการเงินต่างชาติเป็นจำนวนกว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ และต้องขาดทุนจากภาวะราคาน้ำมันตกถึง 73,000 ล้านดอลลาร์ โดยซาอุฯมีรายได้จากน้ำมันคิดเป็นสัดส่วนถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ซาอุดิอาระเบียยังเพิ่งแซงหน้ารัสเซีย กลายเป็นประเทศอันดับสามของโลก ที่ใช้จ่ายงบประมาณไปในด้านกลาโหมเป็นอันดับสามของโลก โดยมีงบกลาโหมเป็นมูลค่า 80,800 ล้านดอลลาร์ และซาอุฯ ยังต้องเกี่ยวพันกับสงครามในเยเมน ที่ซาอุฯต้องเข้าไปแทรกแซงเป็นรายหลัก และยังไม่มีทีท่าจะยุติลงด้วย ขณะที่งบขาดดุลของประเทศปีนี้ ปรากฏว่า สูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเศรษฐกิจประเทศด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอเอ็มเอฟประจำกิจการภูมิภาคตะวันออกกลาง เผยว่า ราคาน้ำมันโลกที่ตกลงอย่างหนัก เฉพาะในปีนี้มีมูลค่าถึง 3.6 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าแนวโน้มราคาน้ำมันโลกจะตกลงอีกเพิ่มขึ้นและอย่างต่อเนื่อง โดยซาอุฯถือเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด เพราะเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มโอเปกที่ส่งออกน้ำมันในระดับแถวหน้า
ขอบคุณ/ที่มา มติชนออนไลน์