กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP เปิดโครงการบ่มเพาะแบรนด์ไทยรุ่น 8 เน้นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว และส่งเสริมซอฟท์ พาวเวอร์ไทย เตรียมเฟ้นหาแบรนด์ที่เข้มแข็ง ชูอัตลักษณ์ที่ชัดเจน พร้อมต่อยอดธุรกิจสู่การแข่งขันในระดับสากล หลังประสบความสำเร็จมาแล้ว 7 รุ่น ผลิตคู่มือแบรนด์มาถึง 113 แบรนด์
นางสาวณัฐิยา สุจินดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการบ่มเพาะแบรนด์ไทย หรือ IDEA LAB เป็นหนึ่งในภารกิจของกรม ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ ไทยตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งผลักดันการสร้าง “Thailand Brand” เพื่อการันตีคุณภาพสินค้าของผู้ประกอบการแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับ และเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ ซึ่งการที่จะสื่อสารความเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ การดึงจุดแข็งของสินค้าและบริการทั้งในด้านคุณภาพ มาตรฐาน หรือนวัตกรรมที่เป็นข้อได้เปรียบทางการค้าของผู้ประกอบการ ให้เป็นที่เข้าใจและเกิดการยอมรับในกลุ่มผู้ซื้อได้นั้น จะต้องมีการวิเคราะห์แนวทางธุรกิจ และวางแผนกลยุทธ์สร้างแบรนด์ ตลอดจนสามารถสื่อสารแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นสากล
สำหรับปีนี้เป็นการดำเนินโครงการฯ รุ่นที่ 8 ภายใต้แนวคิด “Explore Your Exponential Growth” ส่งเสริมผู้ประกอบการสู่โลกของการสร้างแบรนด์ เพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ โดยแสวงหาแนวทางในการพัฒนาแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการตามกระแสเมกะเทรนด์และเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน รวมทั้งการนำภูมิปัญญาและต้นทุนทางวัฒนธรรมของไทยที่ก่อให้เกิดแนวคิดในการพัฒนาสินค้าและบริการ มาใช้ในการสร้าง Story Telling ให้กับแบรนด์ ซึ่งจะเป็นการสร้างอัตลักษณ์ และเป็น Soft Power ที่สามารถขับเคลื่อนสินค้าแบรนด์ไทยให้เป็นที่จดจำในตลาดสากล
ม.ล.ภาสกร อาภากร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า/บริการ ด้วยนวัตกรรม การออกแบบ และการสร้างแบรนด์ แล้ว ผู้ประกอบการแต่ละรายจะได้แนวทางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ของตนเอง ค้นพบอัตลักษณ์ จุดแข็ง และความท้าทายต่างๆ สามารถเพิ่มศักยภาพของธุรกิจด้วยการปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ แนวทางธุรกิจ การสื่อสารแบรนด์ รวมทั้งการวางแผนขยายแบรนด์ในอนาคต ซึ่งช่วยทำให้ผู้ประกอบการ สามารถสร้างอัตลักษณ์ให้กับสินค้าและธุรกิจบริการมากยิ่งขึ้น เพื่อนำมาต่อยอดและพัฒนา แบรนด์ให้ตรงความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมจะแบ่งเป็นกลุ่มสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสินค้านวัตกรรมอาหาร อาทิ อาหารพร้อมปรุง อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส ส่วนผสมในอาหาร ขนม ไอศกรีม กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย เครื่องประทินผิว เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา น้ำหอม อาหารเสริม กลุ่มสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อาทิ ผ้าผืน เสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องประดับแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของตกแต่ง ของใช้ภายในบ้าน เครื่องเขียน งานหัตถกรรม เป็นต้น ซึ่งจากโครงการที่ผ่านมามีตัวอย่างหลายแบรนด์ที่นำสิ่งที่ได้รับไปต่อยอดทางธุรกิจจนประสบความสำเร็จ หรือเป็นเครื่องมือในการขยายสู่ตลาดสากล อาทิ Jasberry (แจสเบอร์รี่) Moonler (มูนเลอร์) Stories of Silver (สตอรี่ส์ ออฟ ซิลเวอร์) Doganic (ด็อกแกนิก) Jun (จุน) Mantra (มันตรา) และ Zeedder (ซี๊ดเด้อ) เป็นต้น
โดยผู้เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะแบรนด์ไทยรุ่นที่ 8 นี้ จะเริ่มต้นจากการเข้าร่วม กิจกรรมสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการสร้างแบรนด์ ซึ่งมีทั้งการเสวนา IDEA LAB เส้นทางการสร้างแบรนด์สู่ตลาดโลก จากผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชน, Branding for Exponential Growth การพัฒนาแบรนด์สู่ความสำเร็จผ่านมุมมองทางการตลาด โดย นายเมธพนธ์ เอกฤทธิไกร ที่ปรึกษาการตลาดอาวุโส บริษัท เวย์ เมคเกอร์ จำกัด และกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ Branding Forward กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ผ่านมุมมองนักสร้างแบรนด์ อาทิ แบรนด์เครื่องจิ้มผลไม้ไทย Zeedder แบรนด์สินค้าสปา I Plus Q แบรนด์สินค้าของที่ระลึก Holen และแบรนด์สกินแคร์ Ingu
และสำหรับ กิจกรรมบ่มเพาะเพื่อเสริมสร้างศักยภาพแบรนด์ จะมีการคัดกรองผู้สมัครจำนวน 30 แบรนด์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกโดยการนำเสนอแนวทางกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ (Pitching) ผู้ที่มีศักยภาพและมีแนวทางธุรกิจที่ชัดเจนจำนวน 15 แบรนด์ จะได้รับคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมเตรียมความพร้อมด้านการตลาด และอบรมเชิงปฏิบัติการและพัฒนาเชิงลึก เพื่อพัฒนากลยุทธ์การสร้างแบรนด์แบบเฉพาะรายร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ และนำเสนอแผนกลยุทธ์ด้านการสร้างแบรนด์ในรูปแบบเฉพาะต่อผู้ซื้อ/ตัวแทนห้างค้าปลีก/ผู้นำเข้าสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงการต่อยอดทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของโครงการได้ทาง เพจ Facebook : Ditpvaluecreation
