“อยากไปเที่ยวไหน ในกรุงโซล” เอริค เพื่อนศิลปินชาวอเมริกันที่มายึดอาชีพครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โซลถึง 4 ปีเอ่ยถาม ด้วยคงจะจับความรู้สึกได้ว่าฉันเริ่มเบื่อโซล หลังจากต้องอยู่รอวันแสดงงานศิลปะมาถึง 5 วันเข้านี่แล้ว
“แล้วแต่เธอ” ฉันตอบอย่างจนปัญญา เพราะนึกไม่ออกจริงๆ ว่าอยากไปไหนหรืออยากดูสิ่งใดในกรุงโซล เมืองที่หันไปทางไหนก็พบกับตึกสูงและรถรา มันเหมาะกับนักช้อปปิ้งและผู้คลั่งไคล้แฟชั่นเคป็อบ
“ตกลง ฉันจะพาเธอไปดูแม่น้ำ” เอริคตัดสินใจ จากนั้นอีกไม่นานเราก็พากันเดินๆๆ แล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วก็เดินๆๆๆ ผ่านและข้ามถนนหลายสาย ค่ารถแท็กซี่ที่นี่ค่อนข้างแพง รถไฟฟ้าเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดร่วมด้วยสองขาพาไปให้ถึงจุดหมาย
“นี่เป็นย่านธุรกิจของโซล” เอริค บอก เมื่อเรามายืนคว้างอยู่ท่ามกลางตึกๆๆๆ รถราและผู้คน ที่ดูเหมือนจะขวักไขว่กว่าที่อื่นๆ ของโซล เท่าที่ฉันได้พบเจอมา เอ.. แล้วแม่น้ำนั้นอยู่ไหนหนอ ฉันคิดในใจยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องสาวเท้าตามก้าวยาวๆ ของเอริค
กระทั่งมาถึงสะพานแห่งหนึ่งที่มองลงไปเห็นสายน้ำใสแจ๋วไหลเอื่อยอยู่ สองฟากฝั่งน้ำตึกสูงเรียงรายด้วยขนาดของสายน้ำฉันคิดว่าน่าจะเรียก ‘คลอง’มากกว่าแม่น้ำ
จากข้อมูลที่สืบค้นได้มาชาวเกาหลีเขาเรียกสายน้ำนี้ว่าาคลองจริงๆ ด้วย ชื่อว่า ‘คลองชองกเยชอน’
[Cheonggyecheon] เป็นคลองขุดโบราณอายุกว่า 600 ปี ตั้งแต่สมัยกษัตริย์ยองโจ แห่งราชวงศ์โชซอนใช้กำลังคนขุดนับแสนคน ไหลผ่านกลางกรุงโซลความยาวประมาณเกือบ 6 กิโลเมตร แต่น่าเสียดายที่ต่อมาเมื่อเกาหลีใต้ก้าวเข้าสู่ยุค พัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดในช่วง ค.ศ. 1957 – 1977 มีการสร้างถนนและทางด่วน โดยตอกเสาเข็มตอม่อลงไปในลำคลอง อีกทั้งบางส่วนของถนนและทางด่วนยังไปปิดกั้นทางเดินของสายน้ำ ครั้นสายน้ำไหลไม่ราบรื่นและไม่มีที่ระบายอากาศอย่างเพียงพอ ประกอบกับพื้นที่ย่านนี้กลายเป็นแหล่งชุมชนแออัด ทิ้งขยะของเสียลงน้ำ ชองกเยชอนจึงกลายสภาพจากน้ำใสๆ มาเป็นคลองเน่าเหม็น ว่าแล้วก็นึกถึงคลองแสนแสบของบ้านเราขึ้นมาทันใด
กระนั้นคลองชองกเยชอนก็ออกจะโชคดีกว่าคลองแสนแสบบ้านเรา ด้วยในปีค.ศ.2002 ยุคผู้ว่ากรุงโซลคนที่ชื่อ นายลี มยองปาก ได้เสนอโครงการฟื้นฟูชองกเยชอน โดยการทุบถนนและทางด่วนที่ปิดกั้นสายน้ำนี้ แต่โครงการไม่ได้ราบรื่นนัก เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากออกมาคัดค้าน ส่วนหนึ่งเกรงว่ารถจะติดมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งเป็นคนค้าขายอยู่ในย่านนั้น เกรงว่าจะสูญเสียรายได้ จึงต้องมีการประชุมเจราจาหาจุดร่วมกันถึงสองพันครั้ง กว่าจะหาข้อยุติร่วมกันและเริ่มลงมือได้ในค.ศ. 2003 เริ่มจากรื้อทางด่วนกับถนนรายรอบ แล้วเสร็จในปี 2005 ใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น 380,000,000,000 วอน หรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังปรับภูมิทัศน์ ฟื้นฟูธรรมชาติสองฝั่งคลอง ตกแต่งตลิ่งอย่างสวยสดงดงาม และใช้วิธีขุดท่อผันน้ำจากแม่น้ำฮานเข้ามาในคลองเพื่อดันน้ำเสียออกจากชองกเยชอน สร้างลานสันทนาการให้ประชาชน สร้างน้ำพุ เขื่อนชะลอความเร็วน้ำ และมีน้ำตกเป็นแนวกันฝน หลังโครงการนี้เสร็จสิ้นปรากฏว่าราคาที่ดินแถบนี้พุ่งพรวด
ทุกวันนี้ชองกเยชอนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจพิมพ์นิยมของชาวเกาหลี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ประดานักท่องเที่ยวมักไม่พลาด ทั้งยังเป็นย่านธุรกิจสำคัญของกรุงโซล เป็นการ คืนชีวิตให้แก่สายน้ำชองกเยชอน ที่นำกำไรมหาศาลมาให้เกาหลีใต้
เห็นน้ำใสไหลเย็นและความงดงามของลำน้ำสายเล็กๆ นี่แล้ว หลายคนในเมืองไทยอาจจะอดมิได้ที่จะนึกถึงแม่น้ำลำคลองหลายสายของบ้านเรา ที่หมดลมหายใจไปอย่างถาวร อนิจจา..