เขียนโดย : พนาลัย
เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกานั้นถูก “กลุ่มนายทุนยิว” จากตระกูลใหญ่ๆ เข้าควบคุมจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ
บรรดานายทุนเหล่านั้นมีอำนาจเหนือ “วอลล์ สตรีท” ศูนย์กลางทางการเงิน ในมหานครนิวยอร์ก อันส่งผลให้พวกเขามีอำนาจอยู่เหนือรัฐบาลสหรัฐฯ และสามารถชี้นำหรือบงการให้ประธานาธิบดีและรัฐบาลในทุกยุคทุกสมัยดำเนินนโยบายตามที่นายทุนยิววางไว้
กลุ่มนายทุนยิวเหล่านี้ ก็คือสมาชิกของ “องค์กรไซออนิสต์” นั่นเอง!!
อิทธิพลขององค์กรไซออนิสต์ในโลกมีมากมายแค่ไหนเป็นที่รู้กันดีอยู่ นอกจากมีอิทธิพลในทางการเมืองและเศรษฐกิจแล้วก็ยังแผ่ขยายไปสู่องค์กรสื่อสารมวลชนระดับโลกอีกด้วย
เมื่อสื่อไม่อยากแตะต้องและเสแสร้งไม่สนใจในเรื่องที่เป็นวาระซ่อนเร้นของไซออนิสต์ ประชาชนทั่วโลกจึงเสพข่าวเพียงด้านเดียวตลอดมา
หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ถูกปิดบังและเพิกเฉยก็คือวาระของ “ปาเลสไตน์”
นับตั้งแต่ปี 1967 ที่พวกนายทุนอิทธิพลจากยิวไซออนิสต์ดังกล่าวพยายามรวบรวม เรียกร้องเชิญชวนให้ชาวยิวที่กระจัดกระจายอยู่ในมุมต่างๆ ของโลกให้อพยพเข้าสู่ ดินแดนปาเลสไตน์
ชาวอาหรับที่เป็นเจ้าของแผ่นดินปาเลสไตน์ งุนงงต่อการหลั่งไหลเข้ามาของชาวยิวเหล่านั้น ซึ่งต่อมาได้ยึดครองแผ่นดิน บ้านเรือน เรือกสวนไร่นา แหล่งเพาะปลูกทำกิน ของชาวปาเลสไตน์ไป โดยการอ้างว่า ดินแดนแห่งนี้คือแผ่นดินของชาวชาติยิวที่พระเจ้าได้สัญญาไว้และชาวยิวเคยอยู่ที่นี่มาก่อนเมื่อประมาณ 8,000 ปีมาแล้ว
เมื่อเกิดการขัดแย้งกันขึ้นมาระหว่าง “ผู้ยึดครอง” กับ “เจ้าของแผ่นดิน” และชาวอาหรับปาเลสไตน์เรียนรู้ว่า ถ้าไม่ลุกขึ้นมาต่อต้านและคัดค้านอย่างจริงจัง พวกเขาจะต้องเป็นประชาชาติผู้ไร้แผ่นดินอย่างแน่นอน ทว่าเมื่อพวกเขายืนหยัดต่อต้านเพื่อปกป้องแผ่นดินเกิด พวกเขาก็ต้องพบกับการต่อสู้ที่ไม่ใช่ลักษณะของผู้อพยพ เพราะยิวเร่รอนเหล่านั้นกลับมีอาวุธยุทธภัณฑ์อันทันสมัย
กลายเป็นว่ายิวเร่รอนเหล่านั้นที่ได้ขับไล่ เข่นฆ่า จนชนชาติปาเลสไตน์ตายเป็นเบือ และเป็นฝ่ายต้องหลบหนี เร่ร่อน เอาตัวรอด ขณะที่ผู้รุกรานก็ปักเสาเข็ม ปักหลัก แสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดิน และขยายดินแดนไปเรื่อยๆ
โศกนาฏกรรมเช่นนี้ฝังอยู่ในความทรงจำและจิตวิญญาณของชาติปาเลสไตน์ จวบจนปัจจุบัน
ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลับไม่มีชาติอาหรับหน้าไหน ที่จะเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวปาเลสไตน์เหล่านี้อย่างจริงจัง หรือกล้าที่จะตะโกนดังๆ ต่ออเมริกาผู้หนุนหลังหรือกับยิวไซออนิสต์ ให้ยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชาติปาเลสไตน์เสียที
วันเวลาผ่านมาจนเกือบครึ่งค่อนศตวรรษ ที่ชนชาติปาเลสไตน์ ต้องจากมาตุภูมิบ้านเกิด และยังคงถูกถูกขับไล่ยึดครอง เข่นฆ่าจับกุม คุมขัง ตราบจนบัดนี้
เจ้าของแผ่นดินในวันนี้ต้องถูกไล่ต้อนให้เข้าไปอยู่ในค่ายกักกันหรือค่ายอพยพ และขณะเดียวกันสื่อสารมวลชนของไซออนิสต์และอเมริกาก็แต่งตั้ง ให้พวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ นับตั้งแต่นั้นมา
นโยบายมอบความเป็นผู้ก่อการร้ายให้เจ้าของแผ่นดิน หรือทำให้ผู้ถูกกดขี่ข่มเหงกลายเป็นผู้ก่อการร้ายจึงเป็นประเพณีที่จะสร้างความเกลียดชังและหวาดกลัวให้กับชาวโลก โดยอาศัยสื่อและโซเชียลมีเดียที่ทรงอิทธิพลในเครือข่ายของกลุ่มสวาปามโลก
กระนั้น ใดๆ ในโลกนี้ล้วนไม่จีรัง เพราะต่อให้มีอำนาจและอิทธิพลมากเพียงใด วัฏจักรแห่งการเปลี่ยนผ่านก็ต้องเวียนมาบรรจบ
ก็แค่นับวันรอเวลาที่อิทธิพลของไซออนิสต์และสหรัฐฯ ผู้หนุนหลังเสื่อมถอยและพังทลายลง วันนั้นก็คงเป็นโอกาสของชาวปาเลสไตน์ที่จะทวงแผ่นดินของตนเองคืนมา และเมื่อมนต์ที่ครอบงำสื่อระดับโลกเสื่อมคลาย ประชาคมโลกที่ถูกปิดหูปิดตาก็คงจะได้รับทราบความจริงแจ่มชัดมากขึ้นว่าเกิดโศกนาฏกรรมอันใดที่ดินแดนปาเลสไตน์ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
ซึ่งดูสถานการณ์โดยรวมแล้ว ก็คงจะในไม่ช้าไม่นานนี้แท้!!
ทุกวันที่ 15 พฤษภาคม เป็นวันรำลึกนัคบา (Nakba Day) แปลว่า “หายนะ” เพราะเป็นวันที่อิสราเอลประกาศก่อตั้งรัฐทับบนแผ่นดินปาเลสไตน์ และชาวปาเลสไตน์นับแสนคนต้องถูกขับไล่ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง อย่ายอมให้รัฐเถื่อนไซออนิสต์ปกปิดวันแห่งหายนะของปาเลสไตน์
เดือนพฤษภาคมต้องเป็นวาระปาเลสไตน์ #NakbaDay
