
เว็บไซต์ข่าวมิดเดิ้ลอีสต์มอนิเตอร์รายงานว่า 8 ครอบครัวชาวอาหรับเผ่าอัล-มาร์รี (Al-Marri) ถูกขังอยู่ในพื้นที่ไร้ผู้ครอบครอง (no man’s land) ชายแดนระหว่างประเทศซาอุฯ และกาตาร์ เมื่อคืนวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ญาติของพวกเขาพยายามนำอาหารและน้ำดื่มไปให้แต่ถูกขัดขวางจากเจ้าหน้าของกาตาร์ที่ลาดตระเวณชายแดนซึ่งติดกับซาอุฯ สมาชิกครอบครัวที่ติดอยู่ชายแดนเหล่านี้มีทั้งหญิงตั้งครรภ์และเด็กหลายคนที่มีอายุต่ำกว่า 7 ขวบ รวมทั้งวัยรุ่นที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคลมชักเมื่ออยู่ภายใต้สภาวะความเครียด
“พวกเขาหนีออกจากซาอุดีอาระเบียเมื่อมีการห้ามเดินทางไปยังกาตาร์เมื่อหลายวันก่อนและชาวกาตาร์ทุกคนได้รับคำสั่งให้ออกไป” อะลี อัล-มาร์รี หนึ่งในสมาชิกอาวุโสกล่าว
ชาวเผ่าอัล-มาร์รีซึ่งอาศัยอยู่ในกาตาร์ประสบปัญหาการเป็นประชากรไร้สัญชาติมากถึง 5,000 คน ครอบครัวที่ติดอยู่ชายแดนนี้ทั้งหมดเกิดในกาตาร์ แต่ถูกถอนสัญชาติเมื่อหลายปีก่อน ทำให้พวกเขากลายเป็นคนไร้สัญชาติ
“เพราะพวกเขาไม่มีเอกสารใดๆ เจ้าหน้าที่ชายแดนกาตาร์จึงไม่อนุญาตให้พวกเขาผ่าน” อะลี อัล-มาร์รี กล่าวและว่า “พวกเขาถูกทิ้งไว้ในพื้นที่เล็กๆ ระหว่างชายแดนทั้งสองประเทศ และไม่มีอาหารหรือน้ำดื่มที่จำเป็น พวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้” เขารอร้องให้โลกภายนอกช่วย
สมาชิกส่วนใหญ่ของชนเผ่านี้ถูกถอนสัญชาติโดยกระทรวงมหาดไทยกาตาร์ในปี 2005 ราว 5,000 คนส่วนมากเป็นสมาชิกของตระกูลคุฟราน (Al-Ghfran) ในเผ่านี้ หลังจากมีการท้วงติจากประชาคมระหว่างประเทศ กาตาร์ได้คืนสถานะพลเมืองให้พวกเขาราว 2,000 คน
มิดเดิ้ลอีสต์มอนิเตอร์รายงานว่าหลังจากสอบถามข้อมูลล่าสุดพบว่า หน่วยงานชายแดนประเทศกาตาร์ได้อนุญาตให้นำอาหารและน้ำดื่มพร้อมหลังคาบังแดดไปให้ครอบครัวเหล่านี้แล้ว
วิกฤตทางการทูตในกลุ่มประเทศอ่าวปะทุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังกลุ่มประเทศอาหรับที่นำโดยซาอุดิอาระเบียได้ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลโดฮาสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธและอิหร่าน กาตาร์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้