“ตุรกี-อิสราเอล” ต่างขับนักการทูตพ้นประเทศ หลังเหตุนองเลือดชายแดนกาซา

เมื่อวันอังคาร (15 พ.ค.) วานนี้ ตุรกีและอิสราเอลต่างขับนักการทูตของกันและกัน หลังพิพาทเกี่ยวกับการสังหารโหดโดยกองกำลังอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ในระหว่างการประท้วงที่ชายแดนกาซา

ตุรกีได้ขับเอกอัตรราชทูตอิสราเอลออกจากประเทศเมื่อวันอังคาร หลังจากกองกำลังอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์เป็นจำนวน 60 คนระหว่างการประท้วงที่ชายแดนกาซาเพื่อต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในนครเยรูซาเล็ม รอยเตอร์รายงาน

ตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศที่ตำหนิอย่างรุนแรงต่อการกระทำของอิสราเอลที่มีกับชาวปาเลสไตน์ในระหว่างการประท้วงที่ฉนวนกาซา และเรียกร้องให้กลุ่มประเทศอิสลามจัดประชุมฉุกเฉินเพื่อหามาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้

ประธานาธิบดีตอยยิบ เออร์โดกัน อธิบายเหตุการณ์นองเลือดในวันจันทร์ว่าเป็นมหันตภัยร้ายแรงที่สุดของชาวปาเลสไตน์นับตั้งแต่ปี 2014 ที่ความขัดแย้งปะทุขึ้นในฉนวนกาซา และว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” และเรียกอิสราเอลว่าเป็น “รัฐก่อการร้าย” รัฐบาลตุรกีได้ประกาศไว้ทุกข์เป็นเวลาสามวัน

รอยเตอร์รายงานอ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงต่างประเทศตุรกีระบุว่า นักการทูตตุรกีประจำอิสราเอลก็ได้ถูกเรียกตัวกลับมาเช่นกัน

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลกล่าวว่า กงสุลตุรกีในกรุงเยรูซาเล็มได้ถูกเรียกตัวและสั่งให้เดินทางกลับตุรกี

ข้อพิพาทดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าวิกฤตการณ์ทางการทูตที่แย่ที่สุดระหว่าง “ตุรกี-อิสราเอล” กำลังเกิดขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่นาวิกโยธินอิสราเอลโจมตีเรือบรรเทาทุกข์ขณะมุ่งหน้านำสิ่งของไปช่วยเหลือกาซาที่ถูกปิดล้อมในปี 2010 ซึ่งนักเคลื่อนไหวตุรกี 10 คนถูกทหารอิสราเอลสังหาร และนำไปสู่การปรับลดความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดำเนินไปจนถึงปี 2016

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า เออร์โดกันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะ “สั่งสอนศีลธรรมให้กับเรา” เพราะเขาสนับสนุน “ฮามาส” ขบวนการเคลื่อนไหวของชาวมุสลิมปาเลสไตน์ซึ่งปกครองกาซา

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเข้าใจการก่อการร้ายและการเข่นฆ่าอย่างดี” เนทันยาฮูทวีต

ซึ่งเออร์โดกัน ได้ทวีตสวนกลับว่า เนทันยาฮูเป็นผู้นำของ “รัฐแบ่งแยกเชื้อชาติสีผิว (apartheid) ที่ยึดครองดินแดนของผู้คนซึ่งไม่สามารถป้องกันตัวเองมาเป็นเวลามากกว่า 60 ปี โดยละเมิดมติของสหประชาชาติ” และเสริมว่าเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์ตุรกีเพื่อหันเหความสนใจ