อิสราเอลเดินสายเชื่อมสัมพันธ์รัฐอ่าวอาหรับ จับตาสัญญาณใหม่ทางการทูต!!

รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของอิสราเอล “นางมิรี รีเกฟ” (Miri Regev) เยี่ยมชมแกรนด์มัสยิดเชคซายิด ในอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (รอยเตอร์)

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เดินทางมาเยือนโอมานอย่างเซอร์ไพรส์ ก็ตามติดมาด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอิสราเอลที่ได้เดินทางไปยังประเทศอ่าวอาหรับ ที่ “ไม่เคยรับรอง” สถานะรัฐของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของอิสราเอล “นางมิรี รีเกฟ” (Miri Regev) เยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ต.ค.) และอยู่ในอาบูดาบีเป็นเวลาสี่วัน ประจวบเหมาะกับการเดินทางของเนทันยาฮูไปยังประเทศโอมาน ซึ่งเขาได้พบกับสุลต่านกาบูส บินซาอิด

ในขณะเดียวกันรัฐมนตรีกระทรวงสื่อสารของอิสราเอล อายูป การา (Ayoub Kara) ก็บ่ายหน้าไปยังการประชุมสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunications Union conference) ในดูไบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ต.ค.)

และรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมอิสราเอล “ยิสราเอล แคทซ์” ก็จะเข้าร่วมการประชุมการขนส่งโลกในกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ในสัปดาห์หน้า

แคทซ์ ได้รับเชิญจากโอมาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีอิสราเอลได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานดังกล่าวในรัฐสุลต่านแห่งนี้

ในช่วงหลายปีที่ผ่าน เนทันยาฮูยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและประเทศอ่าวอาหรับได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้นโดยไม่มีหลักฐานอย่างเป็นทางการ ไม่มีประเทศใดจากบรรดาประเทศอาหรับในอ่าวเปอร์เซียทั้ง 7 ประเทศที่รับรองอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตามการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นว่าการเจรจาผ่านการสื่อสารในอีกช่องนึงแบบลับๆ หรือแบบ “แบคแชนแนล” (backchannel) ระหว่างเทลอาวีฟกับประเทศอ่าวอาหรับนั้นเป็นไปอย่างปลอดโปร่ง สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันชัดเจนว่า คำเชิญของสุลต่านกาบูสต่อเนทันยาฮูเกิดขึ้นหลังการติดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน

“อิสราเอลเป็นรัฐที่อยู่ในภูมิภาคนี้ และเราทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้” นี่คือคำรับรองนายยูซุฟ บินอะลาวี อัลบินอับดุลเลาะห์ รัฐมนตรีต่างประเทศโอมาน ที่กล่าวหลังการเยือนของเนทันยาฮู

“โลกก็เช่นกันที่ตระหนักถึงความเป็นจริงนี้ บางทีถึงเวลาที่อิสราเอลจะได้รับการปฏิบัติอย่างเดียวกัน (เช่นเดียวกับรัฐอื่นๆ ) และก็มีข้อผูกพันเช่นเดียวกัน”

ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) บาห์เรนได้ยกย่องสุลต่านกาบูส สำหรับการเป็นเจ้าภาพรับการเยือนของนาทันยาฮูและคณะผู้แทนของอิสราเอลอื่นๆ

“เราไม่เคยสงสัยต่อภูมิปัญญาและสายพระเนตรอันยาวไกลของสุลต่านกาบูส ในความพยายามช่วยเหลือและทำหน้าที่ในการพยายามเพื่อหาทางแก้ปัญหาสำหรับเรื่องนี้ (ปาเลสไตน์ – อิสราเอล)” รัฐมนตรีต่างประเทศบาห์เรน “คาลิด อัล – คาลิฟา” กล่าวในที่ประชุมสุดยอดด้านความมั่นในตะวันออกกลางที่กรุงมานานา หรือที่เรียกว่า “มานามาไดอะล็อก” (Manama Dialogue

เพลงชาติอิสราเอลกระหึ่มในดินแดนอาหรับ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ต.ค.) “นางมิรี รีเกฟ” รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมอิสราเอล และอดีตโฆษกกองทัพอิสราเอล เฝ้าดูทีมยูโดของประเทศเธอเข้าร่วมการแข่งขันศึกแกรนด์สแลม “สหพันธ์ยูโดนานาชาติ” ในอาบูดาบี วันรุ่งขึ้นเธอไปเที่ยวที่แกรนด์มัสยิดเชคซายิด ของเอมิเรตส์พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของยูเออี

เพลงชาติของอิสราเอลถูกเล่นเป็น “ครั้งแรก” ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลังจากที่นักกีฬายูโดอิสราเอล ซากิ มูกี (Sagi Muki) ได้รับเหรียญทองจากการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมในอาบูดาบี

“เราสร้างประวัติศาสตร์ ชาวอิสราเอลมีตัวตนแล้ว! “เธอทวีตหลังจากที่มีการเล่นเพลงชาติ ก่อนหน้านี้ชาวอิสราเอลได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขันได้โดยห้ามแสดงธงประจำชาติของตน

ก่อนหน้านี้ ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว วงออร์เคสตราแห่งชาติบาห์เรนก็เคยเล่นเพลงชาติอิสราเอลในการเฉลิมฉลองของชาวบาห์เรนต่อ “ความใจกว้างทางศาสนา”

อนึ่งเพลงชาติอิสราเอลนี้มีเนื้อหาซึ่งเรียกร้องให้ชาวยิวพลัดถิ่นกลับมายัง “บ้านเกิดของชาวยิว”

ไม่ใช่ทุกคนจะยินดี

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกประเทศในภูมิภาคนี้จะต้อนรับอิสราเอลด้วยความเปิดกว้าง

ทางการปาเลสไตน์ได้ประณามโอมานอย่างรุนแรงต่อการเป็นเจ้าภาพต้อนรับเนทันยาฮู โดยบอกว่าเป็นการ “ทรยศ” และ “แทงข้างหลัง” ต่อชาวปาเลสไตน์ที่ยังคงอยู่ภายใต้การยึดครองอันโหดเหี้ยมของอิสราเอลทั้งในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์

การเยือนครั้งนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนปาเลสไตน์และสื่อต่างๆ

ส่วนอิหร่านประณามการเยือนโอมานของเนทันยาฮูโดยระบุว่าเป็นยุทธวิธีในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแตกแยกในหมู่มุสลิม

“ระบอบการปกครองนี้พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างประเทศมุสลิม และปกปิด 70 ปีของการยึดครอง แย่งชิง และเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่” บัสซาม กาเซมี โฆษกของอิหร่านกล่าว

ความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นของอิสราเอลกับรัฐอ่าวอาหรับเกิดจากความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันเกี่ยวกับอิหร่าน  อิสราเอลและประเทศอ่าวอาหรับได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่างๆ ของอิหร่านในภูมิภาค รวมทั้งโครงการนิวเคลียร์และการเข้าร่วมสงครามกลางเมืองในซีเรียและเยเมน

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สนับสนุนความใกล้ชิดนี้ (อิสราเอล-รับอ่าวอาหรับ) และถือว่าซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรอื่นๆ ในภูมิภาคเป็นผู้เล่นที่สำคัญในนโยบายของเขาในการเผชิญหน้ากับเตหะราน

อ้างอิง
https://www.middleeasteye.net/
https://www.alaraby.co.uk