ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของประเทศอาหรับและประเทศอิสลามมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล “กลุ่มเคลื่อนไหวทั่วโลกเพื่อรณรงค์การคว่ำบาตร ลดการลงทุน และลงโทษ ต่อประเทศอิสราเอล” หรือ “บีดีเอส” (Boycott, Divestment and Sanctions -BDS) รายงานเมื่อวันที่ 29 ต.ค. มิดเดิลอีสต์มอนิเตอร์รายงาน
“9 ประเทศอาหรับมีความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบกับอิสราเอลผู้ยึดครอง ในขณะที่อีก 6 ประเทศมีความสัมพันธ์กับอิสราเอลในระดับต่ำกว่า” BDS กล่าวในรายงานฉบับล่าสุดเรื่อง “ความเป็นจริงของการสร้างภาวะความปกติในโลกอาหรับและอิสลาม” (The reality of normalisation in the Arab and Islamic world)
BDS เตือนรัฐอาหรับในสิ่งที่อธิบายไว้ว่าเป็น “ความเป็นจริงที่อันตราย” ซึ่งเป็นผลมาจาก “ประเทศอาหรับสร้างกระบวนการมุ่งเข้าสู่ความเป็นปกติกับอิสราเอลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”
กลุ่มณรงค์ต่อสู้เพื่อชาวปาเลสไตน์ เรียกร้องให้ประเทศอาหรับและประเทศอิสลามทั้งหมด “ยกเลิกการกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเข้าสู่ความเป็นปกติกับผู้ยึดครอง [อิสราเอล] รวมทั้งกดดันให้พวกเขาตระหนักถึงสิทธิของชาวปาเลสไตน์”
องค์กรต่อต้านอิสราเอลระบุว่า กลุ่มได้ติดตามสิ่งที่ได้รับการอธิบายว่าเป็น “กระบวนการมุ่งสู่ภาวะความเป็นปกติ (normalization) อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ” ในภูมิภาคอาหรับ และกล่าวหาประเทศที่เข้าร่วมบางส่วนว่าเป็น “การก่ออาชญากรรมที่ไม่อาจยกโทษได้”
“ชาวปาเลสไตน์จะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่พยายามสร้างภาวะปกติกับไซออนนิสต์ [อิสราเอล]” BDS เน้นย้ำ
BDS เป็นขบวนการที่นำโดยชาวปาเลสไตน์ เพื่อเสรีภาพ ความยุติธรรม และความเสมอภาค มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับความรู้ทั่วโลกเกี่ยวกับความสำคัญของการคว่ำบาตรการยึดครองของอิสราเอลในทุกระดับ