ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา กล่าวว่า การากัสได้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ และให้เวลานักการทูตอเมริกันออกจากประเทศภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับผู้นำฝ่ายค้านในฐานะผู้นำประเทศชั่วคราว อาร์ทีรายงาน
มาดูโร ประกาศการเคลื่อนไหวนี้ท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมากจากระเบียงของทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงการากัส เมืองหลวง ไม่นานหลังจากที่สหรัฐอเมริกาและจากนั้นหลายประเทศในละตินอเมริกาตัดสินใจที่จะยอมรับผู้นำฝ่ายค้าน ฮวน ไกวโด (Juan Guaido) ในฐานะประธานาธิบดีชั่วคราวของเวเนซุเอลา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ นั้นเข้าข้างนายไกวโด ผู้ซึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 ม.ค.) ได้ประกาศตั้งตัวเองเป็นรักษาการประธานาธิบดี และทรัมป์ก็ยอมรับเขา “อย่างเป็นทางการ” ในทางกลับกันทรัมป์อธิบายว่ารัฐบาลของมาดูโรนั้น “ระบอบการปกครองที่ผิดกฎหมาย”
ภายใน 2 ชั่วโมง ประเทศอื่นๆ ในละตินอเมริกา อย่างอาร์เจนติน่า บราซิล คอสตาริกา เอกวาดอร์ กัวเตมาลา ชิลี โคลัมเบีย ปารากวัย และเปรู ล้วนแล้วแต่เดินตามการเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งองค์การรัฐอเมริกัน (OAS) และแคนาดา
เม็กซิโกเลือกที่จะไม่เดินตามสหรัฐ ยังคงถือว่ามาดูโร อยู่ในฐานะประธานาธิบดีของประเทศ “ในตอนนี้” โฆษกของรัฐบาลระบุ
ในทางตรงกันข้าม รัฐสังคมนิยมโบลิเวียได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่แก่นิโคลัส มาดูโร ในการต่อสู้กับ “กรงเล็บของลัทธิจักรวรรดินิยม” ทวีตโดยประธานาธิบดีเอโว โมราเลส
อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันผู้นำฝ่ายค้านก็สัญญาในทวีตว่าเวเนซุเอลา“จะยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับทุกประเทศทั่วโลก”
นายฮวน ไกวโด เป็นประธานสมัชชาแห่งชาติและหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านแห่งประเทศเวเนซุเอลา เมื่อวันพุธที่ 23 ม.ค. เขาประกาศในกรุงการากัส ตั้งตัวเป็นรักษาการประธานาธิบดี ทั้งที่ นายนิโคลัส มาดูโร เพิ่งชนะการเลือกตั้งและสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวของนายไกวโด เกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงของประชาชนหลายหมื่นคน ที่ออกมาแสดงพลังต่อต้านประธานาธิบดีมาดูโร เนื่องจากไม่พอใจที่เศรษฐกิจของประเทศจมดิ่งภายใต้การบริหารของเขา และทำให้คนนับล้านต้องอพยพหนีออกจากประเทศ