“นายกฯ” มอบ “ศธ.” ตรวจสอบโรงเรียนในภาคใต้สั่งห้าม นร.คลุมฮิญาบ วอน ต้องเข้าใจ อาจกระทบมั่นคง แอบแฝงเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 เมษายน ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม ถึงปัญหาเรื่องโรงเรียนของภาครัฐและหน่วยงานภาครัฐ ห้ามเด็กนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบ ว่า ต้องไปดูว่าบ้านเมืองของเราเป็นอย่างไร ขณะนี้กำลังให้ทางภาคใต้พิจารณาอยู่ ก็คงต้องดูหลายอย่าง
ตอนนี้เราก็อยากให้ภาคใต้ให้เป็นศูนย์ทางวัฒนธรรมของอิสลามในประเทศไทย โดยนำเอาอัตลักษณ์ของเขามา โดยไม่ได้ฝืน และเราไม่เคยฝืนอะไรเลย แต่ว่าเรื่องคลุมหน้า คลุมตา บางทีอาจจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงเหมือนกัน ต้องเข้าใจนะ ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์เข้ามาและทำร้ายเจ้าหน้าที่ต่างๆ โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิงเอาผ้าคลุมหน้า บางทีก็ผู้ชายคลุมมาบ้างแบบนี้ก็ต้องเห็นใจ
เมื่อถามว่า จะมอบให้กระทรวงศึกษาฯทำความเข้าใจกับกลุ่มนักเรียนมุสลิมอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา นายกฯ กล่าวว่า จะนำไปหารือกันโดยให้กระทรวงศึกษาไปพิจารณา และให้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) จัดการ คือ1.ต้องดูหน่วยงานความมั่นคงให้ได้ 2.ต้องไม่ละเมิดอัตลักษณ์ซึ่งกันและกัน
อย่างไรก็ตาม ขอให้ช่วยกันชี้เป้า บอกข้อมูลโรงเรียนพื้นที่ต่างๆ ที่มีปัญหามา ตนจะได้ตามเรื่องได้ถูก เพราะบางทีตนทำทุกเรื่องไม่ไหวเหมือนกันมันเยอะ เยอะมาก
ด้าน ดร.ศราวุฒิ อารีย์ รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายความหมายของ′ฮิญาบ′ ว่า เป็นหลักการทางศาสนาอิสลามที่กำหนดให้ผู้หญิงต้องคลุมผ้าปกปิดร่างกายทั้งหมด ยกเว้นส่วนของใบหน้า และฝ่ามือ ซึ่งเป็นมาตรฐานของมุสลิมทั่วโลก
ส่วนกรณีการปิดใบหน้าทั้งหมดจนเหลือให้เห็นแค่ดวงตานั้นตามหลักทางศาสนาก็ถือว่าไม่ผิดและเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะทำได้
แต่ทั้งนี้เข้าใจว่าในส่วนที่นายกรัฐมนตรีกังวลน่าจะหมายถึงการปิดหน้าทั้งหมดจนเหลือให้เห็นแค่ดวงตา ซึ่งกรณีดังกล่าวสามารถขอคำปรึกษาจากนักการศาสนา หรือสำนักจุฬาราชมนตรี เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยอาจขอความร่วมมือกับกลุ่มคนบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยมากที่คลุมฮิญาบ ในลักษณะใช้ผ้าปิดบังใบหน้าทั้งหมด ให้เปลี่ยนมาเป็นการคลุมฮิญาบตามหลักศาสนาแบบปกติ
อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐสั่งให้ยกเลิกการคุลมผ้าฮิญาบจริง ก็จะเป็นการซ้ำเติมปัญหาความวุ่นวายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น และเข้าทางฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง รวมถึงจะเกิดการลุกฮือขึ้นประท้วงของชาวมุสลิมทั่วประเทศไทย จนที่สุดจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายจนเกินจะแก้ไข อนึ่ง ปัญหาการสั่งห้ามคลุมฮิญาบ เคยเกิดขึ้นและเคยมีการประท้วงจนวุ่นวายมาแล้วในอดีต แต่ปัญหาดังกล่าวถูกแก้ไขไปแล้วในอดีตโดยกระทรวงศึกษาธิการ ออกเป็นกฎให้นักเรียนหญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม สามารถคลุมฮิญาบไปเรียนได้
ที่มา มติชน