“ไม่เอาเขื่อนแม่วงก์” ผสานเสียงพร้อมกันทุกสี!

ถือเป็นประเด็นที่ ร้อนแรงเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ ทุกสี ทุกฝ่าย จะแดง เหลือง สลิ่ม ไพร่ อำมาตย์….เห็นพ้องต้องกันเป็นส่วนใหญ่โดยมิได้นัดหมายว่า ไม่เอาโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ของรัฐบาลนี้แน่แล้ว เรียกว่าผสานเสียงพร้อมเพรียงกันอย่างที่ไม่เคยมีมานานหลายปีที่ผ่านมา ดูท่าว่าหากรัฐบาลจะดันทุรังสร้างก็คงต้องเจอศึกหนักรอบทิศ!

เมือง ไทยมีอ่างเก็บน้ำ ฝาย และเขื่อนมากมายรวมแล้วเป็นร้อย สร้างกันมานานมากแต่น้ำก็ยังท่วม พอเข้าหน้าแล้งก็น้ำแห้งขอด…ทำไมคนจะไม่รู้ว่า มันมีปัญหาทั้งภัยธรรมชาติและกลไกการบริหารจัดการ ก่อนที่จะมีโครงการเขื่อนแม่วงก์เกิดขึ้น เขื่อนอื่นๆ สร้างมาก่อนเราเกิดเสียอีก และตอนสร้างชาวบ้านก็ออกมาประท้วงเหมือนกัน ใช่ว่าจะราบรื่นไม่มีใครหืออือ (เพียงแต่ ณ วันนี้ผู้คนเติบโตมาและค่อยๆ เรียนรู้พร้อมๆ กับสำนึกข้างในที่โตขึ้นด้วย ก็ย่อมคิดกันได้เอง) แม้ที่สร้างๆ ไปมันจะมีทั้งที่ได้มาและที่สูญเสียไป….ทำไมทุกคนจะไม่รู้

แต่ ความจริงคือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนทั้งในอดีตและปัจจุบัน ทุกรัฐบาลต่างผลักดันโครงการสร้างเขื่อนมาตลอด โครงการในพระราชดำริก็หนุนการสร้างเขื่อนหลายๆ เขื่อนที่ใหญ่โตติดอันดับโลกด้วยซ้ำ (อาทิ เขื่อนขุนด่านฯที่นครนายก : เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก) ถ้าชั่งน้ำหนักความคุ้มค่าแล้วมันคุ้ม วินๆ ทุกฝ่ายก็เข้าใจได้ แต่ในมุมของชาวบ้านที่สูญเสียถิ่นฐานบรรพบุรุษ เสียที่ทำกิน สูญเสียผืนป่าที่เคยให้อากาศสดชื่นใกล้บ้าน ย่อมรู้สึกมาก…อย่าพูดแต่เรื่องชดเชยเงินทอง เพราะแทนกันไม่ได้อยู่แล้ว ลองเป็นตัวเราจะรู้สึกยังไง ใจเขาใจเราก็ไม่ต่างกัน

ไหน จะเหมือนกับคนที่ได้ประโยชน์มหาศาลจากการสร้างเขื่อนๆ หนึ่ง อย่ามองแค่ชาวบ้านเท่านั้น เพราะในบางพื้นที่เขื่อนเดิมมีอยู่แถมยังมีอ่างเก็บน้ำกับฝายเกือบสิบแห่ง ใกล้ๆ กัน(ตัวอย่างเช่นนครสวรรค์กับชัยนาท) ไม่สร้างเขื่อนก็ได้ ถ้ามีการบริหารจัดการน้ำได้ดี ไม่มีสิ่งก่อสร้างมาขวางกั้นทางน้ำ ดังนั้นลองมาดูว่าบุคคลหรือองค์กรใดได้ไปเต็มๆ

เขื่อน ยิ่งใหญ่โตมาก ก็ยิ่งต้องโค่นไม้ในป่ามากไปด้วย ไม้ดีๆ ที่โค่นไปใครได้? สร้างเขื่อนต้องซื้อหิน ดิน ปูนกี่ตัน? ถนนเข้าเขื่อนสร้างใหญ่โตสวยๆ อย่างที่เขื่อนขุนด่านฯ สร้างเสร็จปี 48 พอมาปี 53 รัฐบาลอภิสิทธิ์ทำโครงการไทยเข้มแข็ง จู่ๆ เอางบมาลงทำถนน(ที่สวยดูดีอยู่แล้ว)เสียใหม่ แล้วตัดต้นไม้ใหญ่ริมถนนเข้าเขื่อนจนเหี้ยนเตียน….ถามว่า เพื่อ?

 

767865f4

ในเมื่อมีเขื่อนเยอะแยะใหญ่โต มีอ่างเก็บน้ำ มีฝาย ทั้งในพระราชดำริ และของกรมชลประทาน ทั้งของ กฟผ.นับได้เลยว่ามีเป็นร้อย ถ้าบริหารจัดการดี บูรณาการทุกหน่วยงานอย่างปากพูดก็อยู่กันได้ นี่ไม่ใช่เรื่องโลกสวยอะไรเพราะที่อื่นๆ ในโลกก็ทำกัน ครั้นพอโครงการเขื่อนแม่วงก์แบไต๋ออกมา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเขื่อนและนักเศรษฐศาสตร์ จึงออกมาเตือนว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสีย ก็ยังจะดันทุรังเห็นชอบ ทุกวันนี้รัฐบาลควรรู้ว่า ชาวบ้านเขาไม่เอาแล้ว…บอกพอเถอะเขื่อนน่ะมีเยอะแล้ว ช่วยไปจัดการคนบริหารหรือผู้สั่งการทั้งหลายให้อยู่กับร่องกับรอยดีกว่า

แล้ว ก็ยังอุตส่าห์จะมีเสียงเหน็บจากพวก “ติ่งรัฐบาล” พวกนี้หน้ามืดสุดๆ ลองถ้ารัฐบาลนี้ทำอะไรออกมาเป็นดีไปหมด ใครแตะใครว่าใครเตือนหรือตำหนิไม่ได้ เรื่อง NGO ก็คือ NGO พวกนี้ก็มีดีมีเลวเหมือนอาชีพอื่นนั่นแหละ เขาค้านมันก็งานของเขาน่ะ .ปกติมากๆ แต่ไอ้ที่เป็นชาวบ้านทั่วไปพอใจกับเขื่อนที่มีอยู่ เขาผิดไหมที่จะทักท้วงหรือต่อต้าน? เขาผิดตรงไหน? ที่อยากเห็นป่าที่เหลืออยู่อันจำกัดนี้ไม่อยากให้มันหายไปไหนอีก เขื่อนเก่าที่สร้างแล้วก็แล้วกันไปสิ…แต่ไอ้ที่จะสร้างใหม่มามันคุ้มหรือ ไม่ บอกมาให้ชัดอย่าริสตรอเบอแหล อาจเสียคนได้เป็นคนๆ ไป

ส่วน พวกที่เป็น ติ่ง NGO นี่ก็อีก น่ารำคาญพอๆ กัน คือใครไม่ออกไปเดิน หรือไปร่วมม็อบด้วย มันเล่นเลย “แกนี่ไม่รักป่า…แกต้องเอาเขื่อนแหงๆ หรือไม่แกก็แค่ต้านเขื่อนแบบเฟคๆ” แหม่ๆ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอก พึงรู้ไว้ว่าคนเรามีหลายวิธีแสดงออกตามวิถีทางของแต่ละคนไปตามศักยภาพที่มี จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ทำไมต้องบีบวิธีการแสดงออกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แล้วบอกว่านั่นคือ ทางที่ดีสุดแล้วด้วยล่ะ?

คน ที่พูดแบบนี้ก็คงไม่รู้หรอกว่าคนบางคนที่เขาไม่ได้ไปเดินประท้วงด้วย เขาทำอะไรมาบ้างหรือกำลัง Action อะไรอยู่เงียบๆ ไม่ออกสื่อก็เป็นได้ หรือต่อให้คนบางคนมันไม่สนใจเรื่องนี้เลย ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รักป่าไม่รักษ์โลกเสียเมื่อไหร่ เมืองไทยมีปัญหาให้เราได้หันไปดูอีกตั้งเยอะ บางเรื่องคนต้านเขื่อนก็อาจไม่รู้ด้วยซ้ำไป…ช่วยๆ กันไปสิ ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองไปสิ จะเยอะ-ยุ่ง-แยะดราม่าใส่คนอื่นกันไปทำไมหนอ

อะไรที่คิดว่าดีก็ทำต่อไป แต่….อย่าเยอะ!!