แซงชั่นใหม่สหรัฐฯ มุ่งเป้า “คาเมเนอี” ผู้นำสูงสุดอิหร่าน

ภาพจาก Khamenei.ir

ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษใหม่ต่ออิหร่านเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 มิ.ย.)โดยกำหนดเป้าหมายไปยังผู้นำสูงสุดอิหร่าน อายะตุลเลาะห์ อะลี คาเมเนอี และเจ้าหน้าที่อาวุโสอิหร่านคนอื่นๆ  รอยเตอร์ส รายงาน

ตามรายงานของรอยเตอร์ส ขั้นต้นทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรนี้เป็นการตอบโต้ต่อการยิงโดรนสหรัฐฯ โดยเตหะรานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ต่อมาทรัมป์กล่าวว่า จะมีการลงโทษโดยไม่คำนึงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโดรน

ขณะที่ตามรายงานของเอเอฟพี ทำเนียบขาวกล่าวว่า มาตรการลงโทษนี้ “จะปิดกั้นผู้นำสูงสุด (อิหร่าน) มิให้เข้าถึงทรัพยากรทางการเงิน ปิดกั้นไม่ให้พวกเขาใช้ระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา หรือเข้าถึงสินทรัพย์ใดๆ ในสหรัฐอเมริกา”

นอกเหนือจากคาเมเนอีแล้ว กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า กำลังดำเนินการกับผู้บัญชาการอาวุโส 8 คนของหน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน (IRGC)

นอกจากนั้น นายสตีเวน มุนชิน ( Steven Mnuchin) รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯจะขึ้นบัญชีดำรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ ด้วย และจะอายัดสินทรัพย์อิหร่านหลายพันล้านดอลลาร์เพิ่มเติม เอเอฟพีระบุ

“ก้าวย่างนี้เป็นการเตือนต่อเจ้าหน้าที่ทุกระดับของ IRGC และระบอบการปกครองของอิหร่านที่เหลือว่า เราจะยังคงลงโทษผู้ที่ส่งออกความรุนแรง การก่อวินาศกรรม และการก่อการร้าย” นายมุนชินกล่าวตามที่เอเอฟพีรายงาน

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ ออกมาทวีตหลังจากสหรัฐอเมริกากำหนดบทลงโทษใหม่โดยกล่าวว่า นักการเมืองสายเหยี่ยวใกล้ชิดทรัมป์มีความกระหายในการทำสงครามมากกว่าการเจรจาต่อรอง

“@realDonaldTrump ถูกต้อง 100% ว่ากองทัพสหรัฐฯ ไม่มีกงการใดในอ่าวเปอร์เซียแห่งนี้ การถอนกองกำลังของตนนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐและโลก แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่า #B_Team ไม่ได้เอาธุระกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ – พวกเขาดูถูกการทูตและกระหายสงคราม ” เขาทวีต

ทั้งนี้ซารีฟพูดถึง “บีทีม” (B-team) อยู่บ่อยครั้ง ตามความหมายของเขาหมายถึงกลุ่มคนสายเหยี่ยวที่มีความคิดเป็นปฏิปักษ์สุดโต่งต่ออิหร่านและรวมหัวกัน ประกอบด้วย นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ, นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล, เจ้าชายโมฮัมหมัด บินซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ และ  เจ้าชายโมฮัมหมัด บินซาเยด อัลนะห์ยาน มกุฎราชกุมารอาบูดาบี