กรรมการ อิสลามประจำจังหวัดตรังเป็นห่วงข้อเท็จจริง จากกรณีข่าวกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.อำเภอปะเหลียน จ.ตรัง บุกเป่านกหวีดขอให้ผู้บริหารโรงเรียนอิสมาอีลียะห์มูลนิธิ อ.ปะเหลียน กดดันให้โรงเรียนหยุดทำการเรียนการสอน ทำให้เด็กนักเรียนและประชาชนที่เดินทางไปทำพิธีละหมาดในมัสยิดช่วงเที่ยง ตกใจ
ทั้งนี้ เป้าหมายของกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการเพียงให้โรงเรียนหยุดการเรียนการสอน โดยโรงเรียนและมัสยิดใช้ประตูและรั้วเดียวกัน กลุ่มผู้ชุมนุมต้องผ่านมัสยิด ดังนั้น กรรมอิสลามประจำจังหวัดตรังวิงวอนว่า ไม่ต้องการตกเป็นเครื่องของการเสนอข่าวไปสู่ประเด็นทางการเมือง จึงขอออกแถลงการณ์สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดตรัง ฉบับที่ 1/2557 ความว่า
ตาม ที่ได้มีการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มัสยิดสุโส๊ะ ต.สุโส๊ะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 300 คนได้เข้าไปปิดล้อมมัสยิด ซึ่งมีผู้กำลังปฎิบัติศาสนากิจ จนเกิดเป็นข่าวแพร่กระจาย ทำให้มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่ต่างกันออกไปในขณะนี้
ต่อ เหตุการณ์ดังกล่าวเห็นว่า เป็นการสื่อสารที่ขาดรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเริ่องนี้ ที่สังคมทั่วไปไม่ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงอีกหลายประการ จึงขอชี้แจงทำความเข้าใจว่า
ใน วันเกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมมีเป้าหมายจะเข้าไปที่โรงเรียน แต่เนื่องจากโรงเรียนกับมัสยิดตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ใช้รั้วเดียวกันและใช้ประตูร่วมกัน การเข้าไปถึงโรเรียนจะต้องผ่านมัสยิดก่อน ซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 30 เมตร จึงทำให้มีการเข้าใจผิดของผู้รับข่าวสารที่ส่งต่อกันในวงกว้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้าไปปิดล้อมมสยิด ทั้งที่แท้จริงแล้ว กลุ่มผู่ชุมนุมมีเป้าหมายจะไปที่โรงเรียน โดยไม่ได้มุ่งไปที่มัสยิดแต่ประการใด
ดัง นั้น ขอเรียกร้องว่า อย่าได้เอากรณีเหตุการณ์ที่มัสยิดสุโส๊ะไปสร้างเงื่อนไข และสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม และอย่าได้เอาไปขยายเพื่อให้เกิดความข้าใจผิดระหว่างพี่น้อง ที่อาจมีผลประโยชน์บางประการของบางกลุ่ม บางพวก โดยเฉพาะการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการสร้างความแตกแยกนั้น เป็นสิ่งต้องห้ามในหลักการของศาสนาอิสลาม แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ว่ากลุ่มใด ได้มีความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงศาสนาสถานมัสยิด แม้ว่าไม่ตั้งใจจะกระทำการใดๆ ทั้งนี้ เป็นการป้องกันไม่ให้มีผู้เจตนานำไปขยายผล เพื่อให้มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้เหมือนอย่างกรณีมัสยิดสุโส๊ะ