จำนวนผู้ที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก และในขณะที่ศูนย์กลางของการแพร่ระบาดเปลี่ยนจากประเทศจีน จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่โรคนี้จะลดน้อยลงเหมือนที่เคยเกิดกับโรคซาร์ส ผู้เชี่ยวชาญสิงคโปร์กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม เดอะสเตรทไทมส์รายงาน
“ไวรัสนี้จะยังคงอยู่ไปจนถึงสิ้นปี” รองศาสตราจารย์ซู ลี้ หยาง (Hsu Li Yang) หัวหน้าสถาบันโรคติดเชื้อ ที่วิทยาลัยสาธารณสุขซอว์ สวี ฮ็อค (Saw Swee Hock) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าว
ด้วยการป้องกันในหลายรูปการณ์ทั่วโลก หวังว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้ เขากล่าว
จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกนั้นสูงกว่า 100,000 คน และจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 4,000 คน
รองศาสตราจารย์ซู เป็นหนึ่งในสี่ของนักวิชาการชั้นนำซึ่งพูดคุยกับ ซัลมา คาลิก ผู้สื่อข่าวอาวุโสด้านสุขภาพของเดอะสเตรทไทมส์ สื่อดังสิงคโปร์ ในการให้สัมภาษณ์สดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของหนังสือพิมพ์
ขณะที่อีกสามคนประกอบด้วยรองศาสตราจารย์เคนเนธ มาค (Kenneth Mak) ผู้อำนวยการด้านบริการทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข (MOH) ศาสตราจารย์ลีโอ ยี ซิน (Leo Yee Sin) ผู้อำนวยการศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติ และศาสตราจารย์ติกกี แพ็งเจสตู (Tikki Pangestu) อาจารย์พิเศษที่สถาบันนโยบายสาธารณะลี กวน ยู มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ และอดีตผู้อำนวยการนโยบายการวิจัยและความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก (WHO)
โดยศาสตราจารย์ติกกี สรุปสถานการณ์ที่เป็นไปได้สามประการที่โลกกำลังเผชิญ:
ประการแรก – ประเทศอื่น ๆ จะมีการระบาด รวมถึงกรณีที่รุนแรง และจะยังคงเป็นกรณีฉุกเฉินต่อไป
สอง – ไวรัสอาจ “หายไปอย่างสมบูรณ์” ซึ่งคล้ายกับที่เกิดขึ้นกับโรคซาร์ส การระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงในปี 2003 ซึ่งรายงานระบุว่าคร่าชีวิตผู้คนเกือบ 800 รายทั่วโลก
สาม – ไวรัสจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น และมนุษย์อาจต้องอยู่กับมันอย่างต่อเนื่องเหมือนกับไวรัสอื่นๆ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
“สถานการณ์ที่สามคือสิ่งที่องค์การอนามัยโลกกำลังคิดอยู่ มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิตประจำวันของเรา” ศาสตราจารย์ติกกีกล่าว
