ฮามาสกับสงคราม “50วัน” ในกาซ่า

ภายหลังเมื่อสิ้นสุดสงครามในกาซ่าที่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างฮามาสกับอิสราเอล การต่อสู้เพื่อดินแดนที่ถูกยึดครองทำให้ฮามาสเป็นที่นิยมของชาวปาเลสไตน์สูง ขึ้น  และทำให้อิสราเอลต้องปรับนโยบายที่เคยบีบบังคับที่เข็มงวด และยกเลิกการปิดล้อมทางเศรษฐกิจกับ ฉนวนกาซ่า และถอนทหารออกจากเขตแดน  นอกจากนั้นยังมีหลายสิ่งที่ฮามาสได้เรียกร้อง เช่นการปล่อยนักโทษชาวปาเลสไตน์ ที่ยังติดคุกในอิสราเอล

ในช่วงสงครามการเมือง ภายในของอิสราเอลเองมีการแบ่งฝ่ายเพราะความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายให้ เป็นไปตามความต้องการ ภายหลังข้อตกลงหยุดยิงมีการจัดสรรที่ดินให้กับชาวอิสราเอลในช่วงเวลา เดียวกัน  เพราะ 61% ทางฝั่งตะวันตกเป็นเขตพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำ ผู้นำอิสราเอลเองก็พยายามทุกอย่างที่สามารถกระทำได้ และสิ่งที่ยังเป็นความสุดโต่งของผู้นำยิว คือ นายเนทันยาฮู จะไม่ยอมรับการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์และรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลยังพูดออกมา ว่า อิสราเอลพร้อมที่จะกลับไปสู่สนามรบได้ทุกเมื่อ

โครงสร้างถูกทำลาย

การโจมตีของอิสราเอล ในฉนวนกาซ่าเริ่มขึ้นในช่วงเดือนกรกฏาคม กินเวลานานถึง 50 วัน โครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือนนับหมื่นหลัง อพาร์ทเมนต์ที่อยู่อาศัยถูกทำลาย พี่น้องมุสลิมชาวปาเลสไตน์ถูกฆ่าตาย 2,000 คน ได้รับบาดเจ็บนับหมื่นคน  เพราะโดนโจมตีอย่างหนัก ทั้งทางบก อากาศ ทะเล  ประชากร 1.8 ล้านคน อยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ บางส่วนเหมือนโดนทอดทิ้ง ไฟฟ้าน้ำดื่มเป็นสิ่งที่หายาก  สิ่งที่อำนวยความสะดวกในฉนวนกาซ่าสำคัญมากที่สุด คือ ไฟฟ้า น้ำดื่ม เป็นเป้าหมายที่โดนทำลายมากที่สุด  ประชาชนนับหมื่นคน ถูกอพยพให้หลบภัยในโรงเรียน  แม้ในเวลานี้ จะมีการเริ่มทยอยเปิดเรียนแต่ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาวะย่ำแย่  

การใช้งบประมาณฟื้นฟูซ่อมแซมความเสียหายจากการ โจมตี ทั้งหมดให้กลับมาเหมือนเดิมคงใช้เงินจำนวนมหาศาล รวมทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล  ในเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่รัฐบาล เนทันยาฮูยังคงจำกัด วัสดุอุปกรณ์ที่จะเข้าไปในกาซ่า  กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนและผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายต่างประเทศต่างพูดว่า อิสราเอลควรชำระรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซ่า  แต่หากย้อนไปในเหตุการณ์ในปี 2009  อิสราเอลยังไม่แสดงความรับผิดชอบอันใดเลย ตั้งแต่ผู้นำประเทศจนถึงนายทหารระดับสูง ไม่มีการแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อการตายของเด็ก 500 คน และประมาณ 3,000 คนที่ได้รับบาดเจ็บ และ 1,400  คนกำพร้า  รวมถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบไป

นักเขียนชาวอิสราเอล  Gideon  Levy ได้เขียนใน คอลัม Haaretz   ว่า เด็กๆ ชาวปาเลสไตน์เป็นเหมือนแมลงที่สร้างความรำคาญ เพราะสิ่งที่นักเขียนผู้นี้เห็นเป็นเพียงแค่เด็กอิสราเอลเสียชีวิตจากการ โจมตีของฮามาสเท่านั้น เขาไม่ได้เห็นการที่ปาเลสไตน์ถูกโจมตี คงเป็นเรื่องที่เขาเองยังไม่เคยเห็นถึงความโหดร้ายที่กองทัพอิสราเอลได้ กระทำ  อย่างน้อยสิ่งที่เราเห็นมากที่สุด และควรตำหนิแบบเป็นเหตุผล การที่สหรัฐนิ่งเกินไปกับการก่ออาชญากรรมสงครามในรอบห้าสิบวันที่ผ่านมา โอบามาให้การสนับสนุน ช่วยเหลือทางการทหารกับอิสราเอลและให้การสนับสนุนในหลายเรื่องในสงครามครั้ง นี้

วัฒนธรรมทางคำพูดของตะวันตกที่ฟังแล้วดูคลาส สิก การให้อ้อมแขนกับอิสราเอลเพื่อโจมตีฉนวนกาซ่า โดยให้มีการพิจารณาการโจมตีได้ทั้งทางอากาศ ทะเล เกือบห้าร้อยครั้ง ภาษีเถื่อนนับล้านดอลลาร์ ที่มอบให้กับอิสราเอล เป็นกลยุทธ์เดียวกันที่อิสราเอลเคยใช้ในปี 2009  เสียงที่ออกมาจากนักสิทธิมนุษยชนเป็นการกระทำที่แรงเกินกว่าจะรับไว้ และเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง กับโครงสร้างพื้นฐานและการทุกข์ทรมานกับประชาชนของกาซ่า การหลับหูหลับตาขององค์กรระหว่างประเทศ  เพราะการเขียนข้อความถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ International  Criminal Court (ICC) ขอให้มีการตรวจสอบการใช้กำลังทหารของอิสราเอล และอธิบายถึงการกระทำของอิสราเอลนั้นควรกระทำอย่างไร แต่เท่าที่ดูองค์กร ICC  แสดงความเห็นใจกับการต่อสู้ของฮามาสในฉนวนกาซ่า และเป็นการแสดงให้โลกรับรู้ว่าการต่อสู้อย่างเข็มแข็ง กล้าหาญ กับ อิสราเอลที่มีกองทัพทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก แต่หัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าอาวุธของศัตรู และอิสราเอลก็ไม่สามารถบรรลุความสำเร็จตามเป้าประสงค์ กองกำลังฮามาสเองยังคงอยู่ แม้ว่าจะโดนกระทำ โจมตีอย่างหนัก หากสงครามครั้งนี้รอดมาได้คงไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว  เนทันยาฮูเคยให้สัญญาจะปราบกองกำลังติดอาวุธ  แต่ปรากฏว่าทหารอิสราเอลโดนฆ่าตายแค่ 71 คน  การเล็งเป้าหมายเพื่อบดขยี้ฮามาส  แต่หลายกระแสมักจะพูดว่า การเป็นผู้ชนะในสงคราม กับ การประกาศการหยุดยิง มักจะต่างกัน  ชัยชนะในฉนวนกาซ่า ไม่ได้เกิดขึ้นกับอิสราเอลอย่างแน่นอน    

ฮามาสยังคงอยู่ด้วยความมั่นคงและควบคุมฉนวนกา ซ่าและสิ่งที่เห็นคือกระแสนิยมฮามาสในหมู่คนธรรมดามีมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้การเลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสที่ฮามาสจะได้เป็นรัฐบาลก็คงมีสูงมากขึ้น เพราะก่อนที่จะมีการโจมตี ฮามาสอยู่ในสถานการณ์โดดเดี่ยวทางการเมือง  การสร้างความมั่นคงทางการเมืองเป็นสิ่งจำเป็น เพราะผลพวงจาก อิควานในอียิปต์ จึงทำให้ ฮามาสได้รับผลกระทบพอสมควร  เพราะตั้งแต่ความรุนแรงในอียิปต์ การปิดฉนวนกาซ่าจึงกำเนิดขึ้น

สิ่งที่ยังเห็นคือ ความเป็นภราดรภาพ    

นักวิเคราะห์ชาวอิสราเอล นาย อาเรียน อิลลาน ได้กล่าวว่า  สิ่งที่ได้และผลกระทบคล้ายจะเป็นจุดจบทางการเมืองของอิสราเอล เพราะสิ่งที่ฮามาสพึงกระทำ ก็คือพยายามสร้างสานสัมพันธ์กับฮิซบุลเลาะฮ์  และสิ่งที่ได้รับสนับสนุนสายหลักสำคัญของฮามาส กาต้าร์ เอมิเรตส์ ตุรกี อิหร่าน ซีเรีย และกลุ่มภราดรภาพในโลกมุสลิม  ผู้นำฮามาสที่ได้ใช้สิทธิหลบภัยในตุรกีอีกด้วย

ในอตีดประธานาธิบดี “จิมมี คาเตอร์” และ อดีต ประธานาธิบดี ของไอร์แลนด์ “แมรี โรบินสัน” เคยพูดถึงกองกำลังฮามาส และให้ยอมรับความถูกต้องของอามาส เพราะเป็น ตัวแทนแนวหน้าทางการเมือง ที่ตัวแทนส่วนใหญ่เป็นชาวปาเลสไตน์  ชีวิตที่เป็นปรกติของชาวอิสราเอลโดนรบกวนในช่วงสงคราม ความเครียดของคนยิวมีมาก เกี่ยวกับการโจมตีของฮามาส  อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอิสราเอลได้รับผลกระทบในทางลบ  เป็นครั้งที่สนามบินนานาชาติกรุงเทลอาวีฟ โดนจรวด ของฮามาสยิงเข้ามาเกือบถึงสนามบิน  หลายเที่ยวบินระหว่างประเทศโดนยกเลิก หลายคนคงปฎิเสธการเดินทางสู่อิสราเอลในช่วงความบ้าคลั่งของสงคราม   เพราะสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องที่น่าละอาย  แม้ว่าคำให้การของ เลขาธิการสหประชาชาติ พูดว่า การตายของชาวกาซ่าเป็นเรื่องที่ทำให้โลกนี้ตกใจมากพอสมควร  เพราะการใช้กำลังต่อพลเรือนในฉนวนกาซ่าของอิสราเอล เป็นเรื่องที่ยิวมองว่าไม่แปลก  ชีวิตคนคงไร้ค่า ไม่มีความหมายในสายตาของพวกเขา

เม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่หลั่งใหลเข้ามา แรงสงสารจากทั่วทุกมุมโลกเห็นใจปาเลสไตน์ สงครามที่ไม่มีใครแพ้หรือว่าชนะ การดำเนินการนโยบายของฮามาส คือต้องการดินแดนคืนทั้งหมดไม่มีประนีประนอม อาหรับครึ่งหนึ่งยังคงให้การสนับสนุน   27 ปีแห่งการต่อสู้ของฮามาส แม้ว่าศึกสงครามครั้งนี้จะหนักกว่าหลายครั้งที่ผ่านมาอิสราเอลคงต้องการสยบ ฮามาสและถอนรากแต่ภาวะที่โดนถล่มอย่ากหนัก ในช่วงสงคราม หลายคนต่างพูดว่า  ฮามาสจะอยู่อย่างไร  ด้วยหัวใจนักสู้ ไม่ยอมจำนน ต่อสู้กับผู้รุกราน  ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงกว่าหลายครั้งที่ผ่านมา แต่หากผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ไปได้ กองกำลังฮามาสคงไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว แม้ว่าการไม่ยอมรับรัฐอิสราเอล จะถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่น่ารังเกียจ  อุดมการณ์ที่ผิดหลักการบ้าง  แต่ถึงอย่างไร กลุ่มฮามาสยังคงยืนหยัดอยู่ท่ามกลางความเปลี่ยนผ่าน โดยมี ต้นแบบแห่งความเป็นอิควานที่มีอยู่เต็มหัวใจของพวกเขา ในเวลานี้จิตใจของกองกำลังฮามาสแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เหล่าบรรดาคนหนุ่มที่อาสาสมัครเข้ามาเป็นนักรบมูจาฮีดีน  การบริหารงานของฮามาสแทบจะไม่มีการโกงกิน เงินเกือบทั้งหมดเข้ามาและใช้ไปอย่างคุ้มค่า และยังครองใจชาวปาเลสไตน์ได้อีก

บทบาททางการเมืองของเขากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ‘รอบีตุลอิสลาม ฮามาส”