นัศรุลเลาะห์ ปฏิเสธข้อสงสัยฮิซบุลเลาะห์มีอาวุธในท่าเรือที่เกิดระเบิด

ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ “ซัยยิด ฮัสซัน นัศรุลเลาะห์” กล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์หลังจากการระเบิดเมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ที่ท่าเรือของเบรุต (ภาพ: รอยเตอร์)

มิดเดิลอีสต์อาย –  ผู้นำของฮิซบุลเลาะห์ออกมาปฏิเสธเมื่อวันศุกร์ (7 ส.ค.) ว่า กลุ่มครอบครองอาวุธในท่าเรือของเบรุตซึ่งอาจมีส่วนทำให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ที่ทำลายเมืองหลวงของเลบานอน และเรียกร้องให้มีการสอบสวน

“เราไม่มีอะไรในท่าเรือนี้ ไม่มีทั้งคลังอาวุธหรือคลังเก็บขีปนาวุธ หรือขีปนาวุธ หรือปืนไรเฟิล หรือระเบิด หรือกระสุน หรือแอมโมเนียมไนเตรต” ฮัสซัน นัศรุลเลาะห์ เลขาธิการของฮิซบุลเลาะห์ขบวนการต่อสู้แห่งเลบานอนกล่าวในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

เมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) ที่ผ่านมา แอมโมเนียมไนเตรต 2,700 ตันถูกจุดชนวนทำให้เกิดการระเบิดที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 150 ราย และบาดเจ็บกว่า 4,000 คน

การออกมาพูดนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือกรุงเบรุต นัศรุลเลาะห์เรียกร้องให้ทหารทำการสอบสวนอย่างโปร่งใสว่าวัตถุระเบิดทำลายล้างสูงนี้ถูกทิ้งไว้ในท่าเรือและเกิดระเบิดขึ้นได้อย่างไร

ขณะที่ประธานาธิบดีมิเชล อูน แห่งเลบานอน กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การสอบสวนเหตุการณ์นี้ควรเป็นเรื่องของเลบานอน ไม่ใช่เรื่องของนานาชาติ

นัศรุลเลาะห์ ปฏิเสธว่า ฮิซบุลเลาะห์ไม่ได้มีฐานอยู่ในท่าเรือแห่งนี้ โดยอ้างว่า ขบวนการต่อสู้ของมุสลิมชีอะห์องค์กรนี้ รู้ข้อมูลเกี่ยวกับไฮฟาของอิสราเอลมากกว่าเรื่องโรงงานในเบรุต

“ พวกเขาต้องการตำหนิฮิซบุลเลาะห์สำหรับความตาย การทำลายล้าง และความสยองขวัญที่เกิดจากการระเบิด” นัศรุลเลาะห์กล่าว

เขาชี้ให้เห็นว่า มีสมาชิกของฮิซบุลเลาะห์อยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุระเบิด “นี่มันไม่ยุติธรรม นี่หรือเสรีภาพในการพูด?  มีคนของเรา คนของฮิซบุลเลาะห์เช่นกันที่เสียชีวิตจากเหตุระเบิดท่าเรือเบรุต”

เขาเน้นย้ำว่าการสอบสวนอย่างเป็นกลางเท่านั้นที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น และว่าการสอบสวนจะต้องโปร่งใสและละเอียดถี่ถ้วนว่า “ไม่มีใครควรได้รับการคุ้มครอง” และผู้ที่รับผิดชอบจะต้องถูกควบคุมตัว

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ปธน.เลบานอนได้ออกแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการระเบิด แต่กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ทั้งความประมาท อุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่ง “อิทธิพลภายนอก” ที่อาจเป็นสาเหตุ

อูนให้คำมั่นว่าจะ “นำความยุติธรรมมาอย่างรวดเร็ว” และกล่าวว่า เขามองว่าการสอบสวนระหว่างประเทศเป็นความพยายามที่จะ “เจือจางความจริง”