พช. จับมือกรมราชทัณฑ์ สืบสานพระราชปณิธาน น้อมนำโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง”

กรมการพัฒนาชุมชนจับมือกรมราชทัณฑ์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง รัชกาลที่ 10 สืบสานพระราชปณิธาน น้อมนำโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” คืนคนดีให้สังคมอย่างยั่งยืน

วันที่ 11 กันยายน 2563 พลอากาศตรีสุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” ระหว่างกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม โดยพันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน โดยมีพลโทปณต แสงเทียน รองอธิบดีกรมบังคับการสำนักพระราชวัง พลตรีสมบัติ ธัญญะวัน ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง นางพรปวีณ์ วิชิต รองอธิบดีกรมการจัดหางาน นายวินัย ประสานเขียน ผู้แทนอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ นางวรวรรณ โรจนไพบูลย์ รองศาสตราจารย์ ระดับ 9 อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม และผู้มีเกียรติ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมกรมราชทัณฑ์ ชั้น 2

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง” ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ในครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ ในการบูรณาการสืบสานพระราชปณิธาน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงพระราชทาน โครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มนักโทษเด็ดขาด ที่คาดว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และจะพ้นโทษในปี 2563 จำนวน 39,084 ราย ในเรือนจำ 137 แห่ง มีความรู้ความเข้าใจ ส่งเสริมทักษะทางการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถบริหารจัดการพื้นที่สำหรับทำการเกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นแนวทางให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งตนเองได้ มองเห็นโอกาสในการประกอบสัมมาชีพภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนได้ลงมือทำ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้อื่น ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก

พลอากาศตรีสุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง กล่าวว่า “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงในพสกนิกรทุกหมู่เหล่าของพระองค์แม้จะเป็นผู้ต้องราชทัณฑ์ จึงทรงพระราชทานโครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” กรมราชทัณฑ์ โดยมีพระบรมราชาบายให้เกิดความยั่งยืน พัฒนาส่งเสริมให้ผู้ต้องราชทัณฑ์เป็นคนดี มีอาชีพเลี้ยงตัวภายหลังพ้นโทษได้อย่างพอเพียง”

พลตรีสมบัติ ธัญญะวัน ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการกิจการพลเรือน กรมกิจการพลเรือนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวเสริมในความสำคัญของ “โครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง” ว่า “เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทาน ตามพระราชดำรัช “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทักษะการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้กับผู้พ้นโทษ สร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กในทุกเงื่อนไข ให้ผู้พ้นโทษสามารถพึ่งพาตนเองได้และช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อน และกระบวนการฝึกอบรมมุ่งเน้นการเปลี่ยน Mindset ฝึกวินัย ลงปฏิบัติ แก้ปัญหาจริง โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือนักโทษเด็ดขาดที่คาดว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และจะพ้นโทษในปี 2563 โดยหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง ดำรงชีวิตได้อย่างพออยู่พอกิน สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ”

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การดำเนินโครงการ โคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง เป็นการดำเนินการสิ่งที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ในการช่วยเหลือประชาชน และช่วยเหลือผู้ที่กำลังจะพ้นจากการรับผิดและจะออกไปใช้ชีวิตในสังคม ด้วยพระหฤทัยและสายพระเนตรอันยาวไกลที่ทรงห่วงใยต่อพสกนิกรชาวไทย ในการนี้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่มีความรู้ เข้าใจกระบวนแนวคิดทฤษฎีใหม่ เพื่อให้เกิดความสุข ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สมดุล โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ตอบสนองพระราชปณิธาน แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่เป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อเป็นการคืนคนดีสู่สังคมอย่างเป็นรูปธรรม พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง ได้จัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ดำเนินการในพื้นที่ 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวัง ร่วมกับกรมราชทัณฑ์ในครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการการทำงาน อาศัยศักยภาพจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยให้โอกาสผู้พ้นโทษได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการ ตามความพร้อมและสมัครใจ เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งตนเองได้ภายหลังพ้นโทษ สมดังพระราชปณิธานคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม” ต่อไป

ด้านพันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า “การร่วมลงนามกับ กรมการพัฒนาชุมชนในครั้งนี้ เกิดจากพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2563 ที่กรมราชทัณฑ์ กำหนดโครง การพระราชทานใน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง” โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อผู้ต้องโทษพ้นจากการการควบคุมของกรมราชทัณฑ์แล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยในการดูแล บริหารจัดการคนกลุ่มนี้ให้สามารถมีงานและจัดสวัสดิการไม่ให้กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก”