เพรสทีวี – กระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ออกมากล่าวว่า การปฏิบัติแบบ “สองมาตรฐาน” ที่ประชาคมระหว่างประเทศนำมาใช้ในการจัดการกับปัญหาระดับโลกได้ทำให้ระบอบการปกครองของอิสราเอลกล้าที่จะก่ออาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์
ในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ (7 มี.ค) ก.ต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าวว่าอิสราเอลยังคง “ขโมยดินแดนปาเลสไตน์” และละเมิด “ข้อตกลงที่ลงนามตามกฎหมายระหว่างประเทศ และมติของสหประชาชาติ”
ก.ต่างประเทศปาเลสไตน์ยังประณามการสังหาร ยาเมน นาเฟซ จาฟาล เยาวชนปาเลสไตน์วัย 16 ปี ด้วยน้ำมือของกองกำลังอิสราเอล
แหล่งข่าวชาวปาเลสไตน์กล่าวว่า จาฟาลได้รับบาดเจ็บจากน้ำมือกองกำลังอิสราเอล ตอนที่พวกเขาบุกโจมตีหมู่บ้าน อะบูดิสในเยรูซาเล็มตะวันออกเมื่อวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) อีกทั้งกองทหารอิสราเอลได้ขัดขวางรถพยาบาลไม่ให้เข้าถึงผู้บาดเจ็บขณะที่เขามีเลือดออก แหล่งข่าวกล่าวว่าจาฟาลเสียชีวิตแล้วหลังจากที่เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ก.ต่างประเทศปาเลสไตน์ยังระบุด้วยว่า อิสราเอลกำลังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน “ในทางที่น่ากลัวที่สุด” เพื่อขยายการตั้งถิ่นฐานและบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องพลัดถิ่น “ในความพยายามที่จะยุติการมีอยู่ของชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็ม และทุกพื้นที่ที่จัดเป็น ‘พื้นที่ C’ ในฝั่งเวสต์แบงก์”
พื้นที่ C ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมเต็มรูปแบบของอิสราเอล คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่เวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองทั้งหมด และจะเป็นส่วนสำคัญของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
อิสราเอลยึดครองเยรูซาเล็มตะวันออก, เวสต์แบงก์และฉนวนกาซาระหว่างสงครามอาหรับ-อิสราเอล 6 วันในปี 1967 ภายหลังต้องถอนตัวออกจากฉนวนกาซา ชาวอิสราเอลมากกว่า 600,000 คนอาศัยอยู่ในนิคมตั้งถิ่นฐานมากกว่า 230 แห่งที่สร้างขึ้นตั้งแต่การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ฝั่งเวสต์แบงก์ในปี 1967 การตั้งถิ่นฐานทั้งหมดนั้นผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในมติหลายข้อ