โดย อ.บรรจง บินกาซัน
ที่มา/ติดตาม https://www.facebook.com/Banjong.Binkason
โลกที่เราอาศัยอยู่ทุกวันนี้มีอายุยาวนานกี่พันกี่หมื่นปีไม่มีใครรู้ แต่ตลอดกาลเวลาที่โลกใบนี้ดำรงอยู่ โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาทั้งทางด้านกายภาพและปรากฏการณ์ของสังคม มนุษย์ที่อยู่บนโลก
ในอดีต การเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในประเทศหนึ่งอาจไม่มีผลกระทบกับอีกประเทศหนึ่ง ที่อยู่ห่างไกล แต่เมื่อโลกเจริญขึ้น ระบบการคมนาคมและการสื่อสารที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้โลกกลายเป็นหมู่บ้าน หนึ่งซึ่งถ้าหากบ้านของใครในหมู่บ้านมีอะไรเกิดขึ้น บ้านอื่นๆในหมู่บ้านนั้นจะได้รับผลกระทบไปด้วยทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินที่สำคัญๆเกิดขึ้นสามครั้งในบ้านหลังใหญ่ที่มีชื่อว่าสหรัฐอเมริกา
การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกเกิดขึ้นใน ค.ศ.1913 เมื่อมีการก่อตั้งระบบธนาคารกลางที่เรียกว่า เฟเดอรัล รีเสิร์ฟ (Federal Reserve)
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองเกิดขึ้นใน ค.ศ.1933 เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯประกาศห้ามเจ้าหนี้เอกชนเรียกร้องลูกหนี้ให้ชำระหนี้เป็นทองคำ
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่สามเกิดขึ้นใน ค.ศ.1971 เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในสมัยของประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ประกาศยกเลิกมาตรฐานทองคำหนุนหลังเงินดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้เงินดอลล่าร์สหรัฐไม่อาจสะท้อนค่าที่แท้จริงได้ เงินดอลล่าร์จึงเริ่มเสื่อมค่าและความน่าเชื่อถือในสายตาของประเทศต่างๆ ด้วยเหตุนี้ อำนาจมืดในธนาคารกลางของสหรัฐซึ่งเป็นผู้พิมพ์ธนบัตรดอลล่าร์จึงหันไปสู่ ระบบปีโตรดอลล่าร์โดยให้นายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐไปเจรจาบังคับซาอุดิอาระเบียให้ขาย น้ำมันเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ
หลังจากนั้น รัฐบาลสหรัฐก็ให้ความคุ้มครองทางทหารแก่ประเทศที่ผลิตน้ำมันถ้าหากประเทศ เหล่านั้นเชื่อฟัง และถ้าฝ่าฝืนเมื่อใด ผู้นำของประเทศเหล่านั้นก็ต้องพบกับความหายนะ
เมื่อนาย ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำของอิรักและพันเอก มุอัมมาร์ กอซซาฟี ผู้นำลิเบียปฏิเสธที่จะรับเงินดอลล่าร์แลกกับน้ำมันในประเทศของตัวเอง ปฏิบัติการเชือดไก่ให้ลิงดูจึงเกิดขึ้น
เป้าหมายของปีโตรดอลล่าร์ก็คือการรักษาเงินดอลล่าร์สหรัฐไว้ให้เป็นสกุลเงิน หลักของโลกโดยให้โลกยอมรับมันว่าเป็นสิ่งมีค่า ทั้งๆที่ความจริงมันมีค่าเพียงเศษกระดาษเท่านั้น แต่ชาติมหาอำนาจสหรัฐยังคงใช้กระดาษดอลล่าร์ที่ไร้ค่าไปแลกสินค้าที่มีราคา จริง
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมสินค้าราคาถูกจึงเต็มอยู่ในห้างสรรพสินค้าของสหรัฐ ถึงแม้ว่าสหรัฐไม่ได้ผลิตสินค้าอะไรเลย และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมราคาสินค้าจะสูงขึ้นถ้าเงินปีโตรดอลล่าร์ของ สหรัฐถูกเงินสกุลอื่นเข้ามาแทนที่
ในตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลุ่มประเทศ BRICS กำลังสร้างสถาบันการเงินที่เรียกว่า New Development Bank (NDB)ขึ้นมาเป็นคู่แข่งกับ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ)และธนาคารโลก
นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า “ระบบการเงินของโลกขึ้นอยู่กับดอลล่าร์สหรัฐฯ พูดตรงๆก็คือ ขึ้นอยู่กับนโยบายทางการเงินของผู้มีอำนาจของสหรัฐ กลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและอาฟริกาใต้) ต้องการจะเปลี่ยนสิ่งนี้”
นั่นหมายความว่าต่อไปเงินหยวนของจีน เงินรูปีของอินเดียและเงินรูเบิลของรัสเซียจะเข้ามาเป็นสกุลเงินสำรองของโลก แทนดอลล่าร์สหรัฐ ประเทศเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้เงินดอลล่าร์สหรัฐซื้อน้ำมันอีกต่อไปและ ประเทศต่างๆที่กำลังพัฒนาอย่างเช่นยูเครนก็ไม่จำเป็นต้องยืมเงินจากไอเอ็ม เอฟด้วย แต่สามารถยืมจาก NDB ได้โดยมีเงื่อนไขกู้ยืมที่ดีกว่า
ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนั้นจริง ชาวอเมริกันจะได้รับผลกระทบอะไร? คำตอบก็คือราคาสินค้าในสหรัฐจะพุ่งสูงขึ้น ผู้ส่งออกในสหรัฐฯจะหันไปขายสินค้าด้วยสกุลเงินที่มีเสถียรภาพกว่า ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสหรัฐจึงชวนประเทศต่างๆในยุโรปให้คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย
คิดหรือว่าการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐเกิดขึ้นเพราะการรุกรานของรัสเซีย? มิใช่เลย มันเป็นเพียงวาทะกรรมทางการเมืองที่ทำให้คนเคลิบเคลิ้ม แต่ความจริงแล้ว มันเป็นการโต้ตอบการข่มขู่คุกคามของ NDB ที่มีต่อเงินดอลล่าร์ของสหรัฐต่างหาก อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวก็ถูกบริษัทธุรกิจในสหรัฐและเยอรมันคัดค้านเพราะได้รับผลกระ ทบ
เมื่อคำประกาศของนายปูตินออกไปได้ไม่ทันไร เครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียที่มีผู้โดยสารเป็นชาวเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่ก็ถูกสอยร่วงในยูเครน หลังจากนั้น นายวลาดิมีร์ ปูตินก็ถูกสื่อตะวันตกใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นปีศาจฆาตกรไม่ต่างไปจากนายซัดดัม ฮุสเซนกับพันเอก มุอัมมาร์ กอซซาฟีก่อนถูกกำจัด
ขณะนี้ หมู่บ้านโลกกำลังถูกจัดระเบียบโลกใหม่ ผู้จัดระเบียบโลกนี้คือกลุ่มบริษัทการเงินขนาดใหญ่ที่ทรงอำนาจและบูชาเงิน เป็นพระเจ้า หากระเบียบโลกใหม่นี้ถูกจัดขึ้นเป็นผลสำเร็จ อธิปไตยของโลกก็จะอยู่ที่นักธุรกิจโดยเฉพาะนักธุรกิจการเงินโลกชาวยิวที่ สามารถเปลี่ยนโลกได้อย่างฉับพลัน
ประธานาธิบดีสหรัฐที่ชาวเมริกันเลือกมาให้เป็นผู้นำมีอำนาจแค่เพียงสี่ปี แล้วก็หมดวาระไป ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี รัฐบาลสหรัฐก็จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือรับใช้อำนาจลับถาวรที่อยู่เบื้อง หลังรัฐบาลสหรัฐตั้งแต่เฟดเดอรัล รีเสิร์ฟถูกก่อตั้งขึ้นมา
