กลุ่มอัญชลีไหมไทย กับผลิตภัณฑ์โอทอปชื่อดังจังหวัดแพร่ สร้างชื่อจากผ้าไหมยกดอกลายไก่ฟ้า ผ้าไหมยกดอกเวียงสรอง
ระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม 2559 เดอะพับลิกโพสต์พร้อมคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางเดินทางไปยังจังหวัดแพร่ ตามโครงการ “พช.สัมพันธ์สัญจร” ของกองประชาสัมพันธ์ กรมการพัฒนาชุมชน โดยหนึ่งในนั้นคือการไปเยี่ยมชมการดำเนินงานของ กลุ่มอัญชลีไหมไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการผ้าไหมยกดอกลายไก่ฟ้า ผ้าไหมยกดอกเวียงสรอง ผลิตภัณฑ์โอทอปชื่อดังของจังหวัดแพร่
นางสาวอัญชลี พงค์ศิริแสน ประธานกลุ่มอัญชลีไหมไทย ตำบลเตาปูน อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เล่าถึงแนวคิดการทำผ้าไหมว่า “แต่เดิมไม่มีความรู้เรื่องการทอผ้ามาก่อน และมีโอกาสไปเรียนหาความรู้เพิ่มเติมที่จังหวัดลำพูนประมาณ 1 ปี แล้วคิดว่าเราเป็นคนจังหวัดแพร่ น่าจะมาสร้างงานที่จังหวัดบ้านเกิดดีกว่า จึงเริ่มมาฝึกฝนการทอผ้าให้เกิดความชำนาญก่อน โดยเริ่มจาก 1 กี่ แล้วเปิดสอนให้กับผู้ที่สนใจเรียนรู้การทอผ้าอย่างจริงจัง โดยจะมีรายได้เสริมให้อีกด้วย นอกเหนือจากการทำภาคการเกษตร ”
นางสาวอัญชลี บอกว่า ในพื้นที่อำเภอสอง ไม่เคยมีการทอผ้าก่อน ตนเองเป็นผู้ริเริ่มในการทำเรื่องนี้ ส่วนครั้งแรกที่มาทำนั้นยังไม่หลุดจากผ้าลำพูน จนมาสองปีหลัง จึงมีการพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ จนมาถึงปี 2546 เริ่มพัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆจากซิ่นตามะนาว ซึ่งเป็นซิ่นพื้นถิ่นของอำเภอสอง จนพัฒนามามีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มีการนำ ไก่ฟ้าพญาลอ มาสร้างเป็นลวดลายผ้าทอที่มีความสวยงาม โดยทำเป็นผ้าโบราณผืนใหญ่ก่อน
“ตลาดในอดีตยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากผ้ามีราคาสูง หาคนซื้อยาก และยังไม่เป็นที่รู้จัก จนมา 2553 เริ่มมีการทำผ้านุ่งหน้านางลายไก่ฟ้า ออกมาเป็นผืนแรก ซึ่งมีการทำถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จเป็นประธานในพิธีเปิดงานไหมโลก” นางสาวอัญชลี พงค์ศิริแสน กล่าวและว่า
“จนขณะนี้มีลวดลายผ้าทอ 4 แบบแล้ว มีไก่ฟ้าราชินี ไก่ฟ้าสมเด็จพระเทพฯ ไก่ฟ้าแบบที่ 3 และแบบที่ 4 ซึ่งลูกค้าจะซื้อไว้เป็นของสะสม โดยแต่ละลวดลายจะมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆเป็นจุดเด่นของเรา คือไม่ออกมาเยอะ ปีหนึ่งเปลี่ยนครั้งหนึ่ง”
“ส่วนลวดลายใหม่ที่เตรียมจัดทำนั้นขณะนี้มีลวดลายแล้ว โดยมีพญานาคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คือ ลวดลายไก่ฟ้านาคเกี้ยว” นางสาวอัญชลี กล่าว
นางสาวอัญชลี กล่าวต่อว่า “สำหรับจุดเด่นบนลายผ้านั้น จะมีการเพิ่มสีสันบนผืนผ้า นอกจากจะมีลวดลายไก่ฟ้าแล้ว อาจจะมีการนำลายช้าง นกยูง เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าด้วย”
“ทั้งนี้ การผลิตผ้ายกทอง แบบโบราณนั้น ปีนึงจะผลิตออกมาเพียง 1 ผืน แต่ถ้าโชคดีก็จะผลิตเพิ่มออกมาอีก1ผืน ถ้ามีเวลาทอ พร้อมระบุ การผลิตออกมาจะเน้นคุณภาพ แต่หากผลิตออกมาจำนวนมาก ก็จะไม่มีคุณค่าและ ก็จะไม่ได้ราคาด้วย โดยลูกค้ารอได้ และไม่มีการส่งออกต่างประเทศ เน้นขายในประเทศให้กับนักสะสม โดยเจอโดยตรงกับกลุ่มลูกค้าทางโซเชียล”
สำหรับแนวทางการพัฒนาในอนาคตนั้น จะพยายามทำเพื่อส่งถึงมือกลุ่มลูกค้าเร็วที่สุด จะเน้นรูปแบบใหม่ๆขึ้นมา เน้นวัสดุที่ดีขึ้น มีคุณค่าต่อการเก็บสะสม ทนทานสีไม่ตก พร้อมกันนี้ ยังเปิดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจเรียนรู้อย่างจริงจัง ไม่อยากให้งานที่ดีมีคุณค่าสูญหาย
“จนถึงขณะนี้รู้สึกภูมิใจอย่างมาก เพราะจากที่ไม่เคยทอผ้า ทอผ้าไม่เป็นจนถึงตอนนี้ลูกค้ายอมรับงานมีคุณค่า เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้มีกำลังใจที่จะสืบสานงานนี้ต่อไปเรื่อยๆ” นางสาวอัญชลี กล่าว และว่า
“และขณะนี้ได้ก้าวสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ก็ได้มีการเตรียมเรื่องงานและภาษา ได้เตรียมผลิตผ้าคลุมไหล่ลายไก่ฟ้าชิ้นเล็กๆ เพื่อง่ายต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะสามรถซื้อหานำกลับประเทศ”
“สำหรับรายได้ต่อปี จากก่อนอยู่ที่หลักแสน แต่ขณะนี้อยู่ที่หลักล้าน เนื่องจากเน้นเรื่องคุณภาพวัสดุ” นางสาวอัญชลี กล่าว
