ผอ.สถาบันอัลมะฮดียะห์ มอบพวงมาลัยแรกแทนคำขอบคุณทีมเจรจาฮามาส

ผอ.สถาบันอัลมะฮดียะห์ กรุงเทพฯ มอบพวงมาลัยชุดแรกแทนคำขอบคุณทีมเจรจาฮามาส ช่วยเหลือตัวประกันไทยกลับสู่มาตุภูมิ ระหว่างพบปะกับคณะผู้แทนประธานรัฐสภาและคณะเจรจาฮามาสช่วยเหลือตัวประกันไทย

เมื่อวันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และภริยา พร้อมด้วย นายมุข สุไลมาน เลขานุการประธานสภาฯ ดร.ฟารีดา สุไลมาน อดีตส.ส.สุรินทร์หลายสมัย พร้อมด้วย ดร.เลอพงษ์ (ซัยยิดมุบาร็อก) ซาร์ยิด นายกสมาคมศิษย์เก่าไทย-อิหร่าน นายซัยยิดมุมิน ศักดิ์กิตติชา เข้าเยี่ยมสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮดียะห์ ย่านทุ่งครุ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหาร คณาจารย์ และนักศึกษาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

สำหรับนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ดร.เลอพงษ์ (ซัยยิดมุบาร็อก) ซาร์ยิด และนายซัยยิดมุมิน ศักดิ์กิตติชา เป็น 3 ผู้แทนไทยที่เดินทางไปยังกรุงเตหะราน อิหร่าน เพื่อเจรจากับผู้แทนฮามาสและทางการอิหร่าน ในความพยายามหาแนวทางช่วยเหลือตัวประกันคนไทย จากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล โดยทีมเจรจาชุดนี้ เกิดขึ้นจากดำริของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา รว่มกับซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย ในนามภาคประชาชนซึ่งทำงานคู่ขนานไปกับทีมทางการของรัฐบาลไทย

ส่วนสถาบันศึกษาอัลมะฮดียะห์นั้นเป็นสถาบันสอนศาสนาสำหรับสตรีมุสลิม ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาร่วม 25 ปี ภายใต้สังกัดมหาวิทยาลัยอัลมุสฏอฟานานาชาติ ประเทสอิหร่าน ซึ่งขับเคลื่อนในนามขององค์กรส่งเสริมการศึกษาศาสนาในประเทศไทยและกลุ่มประเทศเอเชียอาคเนย์

ซัยยิดะห์ซัยหนับ ศักดิ์กิตติชา ผู้อำนวยการสถาบันอัลมะฮดียะห์กล่าวต้อนรับและแสดงความปลื้มปิติที่ได้ต้อนรับทีมเจรจาฮามาส “ในนามผู้อำนวยการสถาบันศึกษาศาสนาอัลมะฮดียะห์ประจำประเทศไทยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ แม้การได้ต้อนรับคณะท่านในนามของผู้แทนจากรัฐสภาที่เป็นมุสลิมจะถือเป็นความภาคภูมิใจมากแล้ว แต่ยังมีความปิติยินดีอีกประการหนึ่ง คือการได้ต้อนรับทีมเจรจาฮามาสผู้ประสานการช่วยเหลือตัวประกันไทยให้กลับคืนสู่มาตุภูมิ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกแล้วว่าภาระกิจสำคัญนี้ของท่านและคณะได้ส่งผลพวงที่งดงามไว้อย่างไร”

ซัยยิดะห์ซัยหนับ ศักดิ์กิตติชา ยังแนะนำสถาบันศึกษาอัลมะฮดียะห์ในนาม บ้านของอิมามมะฮดีผู้ถูกรอคอย โดยเธอกล่าวว่า “สถานที่ ที่ท่านนั่งอยู่ขณะนี้ คือศาสนสถานนามว่า” อัลมะฮดียะห์” ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นมานานกว่า 25 ปีในนามของบ้านของอิมามมะฮดี (อ) ผู้ถูกรอคอย เราเชื่อมั่นว่า ภายในบ้านหลังนี้มีความเป็นสิริมงคลที่เชื่อมโยงกับฮุจญัตองค์สุดท้ายของอัลลอฮ(ซบ.) เนื่องด้วยพันธกิจแห่งการอบรมฟูมฟักวิชาการศาสนาเพื่อเตรียมส่งบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒิสู่ยุคทองอันสันติแห่งพระศรีอารยเมตตรัย ยุคที่ศาสนาคือรัฐธรรมนูญและวิถีเดียวแห่งความผาสุก”

ผู้อำนวยการสถาบันอัลมะฮดียะห์ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการศึกษาที่ต้องควบคู่กันทั้งสายศาสนาและสามัญ “นับเป็นความสำเร็จและคุณภาพด้านการศึกษาอีกทั้งยังถือเป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติบ้านเมือง ที่ผู้ปกครองจากทั่วประเทศไทยทั้งเหนือใต้ออกตกและกรุงเทพฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญกับการศึกษาระบบผสมผสานทั้งทางโลกและทางธรรมนี้ควบคู่กันไป โดยหวังจะสร้างเกราะป้องกันเพื่อคุณภาพชีวิตที่นับว่าหาได้ยากแล้วในสังคมที่ถูกโจมตีทางวัฒนธรรมเสมอมา”

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยอัลมุสฏอฟามีสถาบันศึกษาในรูปแบบต่างๆ ภายใต้สังกัดของตนทั่วโลกมากถึง 76 ประเทศ และสามารถสรรสร้างบุคลากรวิชาการและผลิตผู้สำเร็จการศึกษาในระดับขั้นต่างๆจากหลากหลายสาขาวิชา อาทิ ปรัชญา เทววิทยา ตัฟซีร นิติศาสตร์อิสลาม อักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ มนุษยวิทยา อิรฟาน ประวัติศาสตร์และอื่นๆ อีกมากมาย

ในการพบปะเยี่ยมเยียนครั้งนี้ผู้บริหารและคณาจารย์ตลอดจนนักศึกษาได้รร่วมรับฟังปฐกถาพิเศษจากแขกผู้เกียรติอย่างพร้อมเพียงกัน ผู้อำนวยการสถาบันอัลมะฮดียะห์ ซัยยิดะห์ซัยหนับ ศักดิ์กิตติชา ยังขอมอบพวงมาลัยแทนคำขอบคุณแก่คณะเจรจาฮามาสโดยชี้ว่า เหตุใดเราชาวไทยจึงยังไม่ได้เห็นภาพการขอบคุณอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลหรือองค์กรใดๆ ต่อพันธกิจสำคัญที่เกิดขึ้นนี้เลย