สปุตนิก – สหรัฐฯ ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอน สื่อ Axios ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วอชิงตันได้เตือนเทลอาวีฟมาหลายสัปดาห์ถึงความคิดที่จะทำสงคราม “จำกัด” ในเลบานอน โดยเตือนว่าอิหร่านอาจเข้ามาแทรกแซง
พลอากาศเอก ชาร์ลส์ คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอาทิตย์ 23 มิ.ย. ว่า สหรัฐฯ จะไม่สามารถช่วยอิสราเอลป้องกันตนเองจาก “สงครามกับฮิซบุลเลาะห์ที่ขยายวงกว้าง” ได้
เขาชี้ว่า การบุกทางทหารของอิสราเอลเข้าสู่เลบานอนอย่างเต็มรูปแบบจะเสี่ยงต่อการจุดชนวนให้เกิดสงครามขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การตอบโต้ที่รุนแรงจากอิหร่านในการปกป้องฮิซบุลเลาะห์ นายพลบราวน์กล่าวว่าอิหร่าน “มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนฮิซบุลเลาะห์มากขึ้น” ในกรณีที่รู้สึกว่ากลุ่มติดอาวุธเลบานอน “ถูกคุกคามอย่างมีนัยสำคัญ” การยกระดับความขัดแย้งในระดับนี้อาจทำให้กองกำลังสหรัฐฯ ในภูมิภาคตกอยู่ในอันตรายด้วย เขาเสริม
ตามที่นายพลบราวน์กล่าว สหรัฐฯ กำลังเจรจากับผู้นำอิสราเอลเพื่อเตือนพวกเขาถึงผลที่ตามมาของความขัดแย้งในวงกว้าง ข้อความหลักของวอชิงตันคือ “ให้คิดถึงผลที่ตามมาของปฏิบัติการใด ๆ ในเลบานอน และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นไม่เพียงแต่ในภูมิภาคนี้ แต่ยังส่งผลกระทบถึงกองกำลังของเราในภูมิภาคด้วย”
มีรายงานว่า ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลคล้ายกันในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับโยอาฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลเมื่อเร็ว ๆ นี้
ประเด็นนี้คาดว่าจะมีการหารือในระหว่างการเยือนวอชิงตันของกัลลันต์ เพื่อพบปะกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน และเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ คนอื่น ๆ
หลังจากที่ อามอส ฮอชสเตน ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พบกับเจ้าหน้าที่ในเลบานอนและอิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงเบรุตเมื่อวันอังคารว่านี่เป็น “สถานการณ์ที่ร้ายแรงมาก”
“เมื่อพิจารณาจากปริมาณจากจำนวนการยิงจรวดที่เราเห็นจากทั้งสองฝั่งพรมแดน เรามีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว และได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยตามแนวพรมแดนนั้น ทั้งในที่สาธารณะและในที่ส่วนตัว และอีกครั้งเพื่อหาทางออกทางการทูต” โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ต. แพท ไรเดอร์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ระยะของการสู้รบอย่างดุเดือดในราฟาห์ของฉนวนกาซากำลังคลี่คลายลง และ IDF ก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอน
“ หลังจากสิ้นสุดระยะเข้มข้น ” อิสราเอลจะ “ ส่งกำลังบางส่วนกลับไปทางเหนือ… โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการป้องกัน ” เนทันยาฮูในการสัมภาษณ์ช่อง 14 เขาแสดงความหวังในการแก้ปัญหาทางการทูต แต่เสริมว่า “ เราจะเผชิญกับความท้าทายนี้เช่นกัน เราสามารถต่อสู้ได้หลายด้าน เราเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ ”
เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำข้อตกลงกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์เพื่อให้แน่ใจว่ากองกำลังของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์จะไม่อยู่ที่ชายแดน “ จะต้องมีการเว้นระยะห่างทางกายภาพของฮิซบอลเลาะห์จากชายแดน และเราจะต้องบังคับใช้มัน… เรามุ่งมั่นที่จะพาผู้อยู่อาศัยทางตอนเหนือกลับบ้านของพวกเขา ” เขากล่าวเสริม
อิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ฮามาส ได้ยิงปะทะกันเกือบทุกวันตั้งแต่เริ่มสงครามกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่าจะหยุดยิงก็ต่อเมื่อมีการหยุดยิงในกาซาเท่านั้น ฮิซบุลเลาะห์ยิงจรวดมากกว่า 200 ลูกเข้าสู่อิสราเอลตอนเหนือ เพื่อตอบโต้การสังหารผู้บัญชาการระดับสูงสุดของกลุ่มติดอาวุธเลบานอน ทาเล็บ ซามี อับดุลลาห์ โดยรัฐยิวเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลกล่าวว่าได้อนุมัติและยืนยันแผนปฏิบัติการสำหรับการโจมตีในเลบานอนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินสถานการณ์
รัฐบาลของไบเดนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและเลบานอนในปัจจุบันว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็น “สงครามเต็มรูปแบบ” สื่อ Axios รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนโดยอ้างเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ทำเนียบขาวเกรงว่าอิสราเอลอาจเริ่มทำสงครามกับฮิซบุลเลาะห์ “โดยไม่มีแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนหรือการพิจารณาถึงผลกระทบทั้งหมดของความขัดแย้งที่ขยายวงกว้างขึ้น”
นับตั้งแต่เนทันยาฮูเริ่มส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมที่จะขยายความขัดแย้งในฉนวนกาซาไปยังเลบานอนเพื่อต่อสู้กับฮิซบุลเลาะห์ ก็มีเสียงเตือนมากมายว่ากลุ่มเลบานอนนั้นแข็งแกร่งกว่ากลุ่มฮามาสมาก และสามารถเข้าถึงขีปนาวุธและจรวดที่ซับซ้อนจำนวนมากมายที่จะสามารถครอบงำเครือข่ายการป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธของอิสราเอล นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองและการทหารได้เตือนว่า อิสราเอลจะไม่สามารถแยกเลบานอนออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์ และฮิซบอลเลาะห์จะสามารถได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศหากเทลอาวีฟเข้ารุกราน
