สงครามอิสราเอล-ฮิซบุลเลาะห์ อาจกระทบโอกาสของไบเดนในการเลือกตั้งปธน.

© AP Photo / Mohammed Zaatari via Sputnik

ผู้สังเกตการณ์นานาชาติกล่าวว่าการรุกรานเลบานอนของอิสราเอลอาจกระทบต่อโอกาสของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้

สื่อกระแสหลักของสหรัฐฯ และยุโรปรายงานว่า “มีความกังวลเพิ่มมากขึ้น” เกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลและเลบานอนที่อาจปะทุขึ้น

ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งเป็นขบวนการต่อต้านของชาวชีอะห์ในเลบานอน ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่อิสราเอลรุกราน “ราฟาห์” ภูมิภาคตอนใต้ของฉนวนกาซาที่มีพรมแดนติดกับอียิปต์

ฮิซบุลเลาะห์เตือนอิสราเอลหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ขยายปฏิบัติการทางทหารต่อดินแดนปาเลสไตน์

ล่าสุด นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) จะถูกส่งไปยังชายแดนทางตอนเหนือของประเทศเพื่อเผชิญหน้ากับฮิซบุลเลาะห์ มีรายงานว่าวอชิงตันได้เตือนเทลอาวีฟให้ระวังความขัดแย้งระลอกใหม่

ทีมไบเดนมีเหตุผลที่ดีที่จะกังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้าของอิสราเอลกับฮิซบุลเลาะห์ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ ตามที่ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศระบุ

ข้อกังวลแรก คือ อิสราเอลอาจได้รับความเสียหายร้ายแรง เมื่อพิจารณาจากความสามารถทางทหารของกลุ่มต่อต้าน

ตามที่เลขาธิการฮิซบุลเลาะห์ “ซัยยิด ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์” กล่าว กลุ่มนี้มีทหารกว่า 100,000 นายพร้อมที่จะสู้รบ หลายคนได้รับประสบการณ์การต่อสู้กับไอซิส และกลุ่มญิฮาดิสต์อื่นๆ ในซีเรีย

เชื่อกันว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์มีคลังแสงขีปนาวุธราว 150,000-200,000 ลูกล่าสุด กลุ่มนี้เริ่มประสบความสำเร็จในการใช้โดรนกามิกาเซ่และยานพาหนะไร้คนขับ อื่นๆ โจมตีตำแหน่งชายแดนอิสราเอล

การวิจัยโดยสถาบันต่อต้านการก่อการร้ายแห่งมหาวิทยาลัย Reichman ของประเทศอิสราเอล ระบุว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะห์สามารถยิงขีปนาวุธได้มากถึง 3,000 ลูกต่อวัน ซึ่งจะครอบงำการป้องกันทางอากาศของอิสราเอล

คลังของไอรอนโดมและขีปนาวุธเดวิดสลิงจะหมดลงภายในไม่กี่วันหลังจากการสู้รบ ส่งผลให้อิสราเอลต้องเผชิญกับการโจมตีด้วยจรวดและโดรนจำนวนมหาศาลจากกลุ่มฮิซบุลเลาะห์และพันธมิตรในภูมิภาค

สถานการณ์ที่สถาบันอธิบายนี้แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลไม่มีการเตรียมพร้อมอย่างสิ้นเชิงสำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุซ้ำรอยในปี 2006 ตอนที่อิสราเอลรุกรานทางใต้ของเลบานอน และประสบความพ่ายแพ้

ความกังวลประการที่สอง คือ สหรัฐฯ จะถูกดึงเข้าสู่สงครามระหว่างอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์ ซึ่ง ดร. มิเชลล์ เบนท์ลีย์ ผู้อำนวยการศูนย์ความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยรอยัลฮอลโลเวย์แห่งลอนดอน กล่าวว่านั่นน่าจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อโอกาสในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน

“ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์กำลังทำให้การสนับสนุนพรรคเดโมแครตลดลง และไบเดนถูกกล่าวหาจากทุกฝ่ายว่าจัดการสถานการณ์นี้ผิดพลาด” เบนท์ลีย์เขียนใน The Conversation

ขณะนี้ไบเดนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก: ในขณะที่พรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตที่สนับสนุนอิสราเอลกำลังกดดันให้เขาช่วยเหลืือเทลอาวีฟ นักการเมืองพรรคเดโมแครตสายก้าวหน้ากลับประณามอิสราเอลในเรื่อง “การกวาดล้างชาติพันธุ์” ในเขตกาซา

ฐานเสียงของไบเดน ซึ่งรวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งพรรคเดโมแครตที่เป็นคนหนุ่มสาว ชาวผิวดำ ชาวอาหรับ และชาวมุสลิมอเมริกัน เริ่มรู้สึกผิดหวังกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะเขาไม่สามารถบังคับให้อิสราเอลหยุดยิงในกาซาและยังคงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF)

ตามที่นักวิชาการชาวอังกฤษกล่าว พลเมืองสหรัฐฯ และผู้นำโลกเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างเทลอาวีฟและฮิซบุลเลาะห์เป็นส่วนหนึ่งของวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่กำลังดำเนินอยู่

“คำวิจารณ์ต่อไบเดนไม่ได้มาจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังมาจากชาติอื่นๆ ด้วย” เธอเขียน “หากไบเดนไม่สามารถชนะใจชาติเหล่านั้นในสิ่งที่เขาจะทำต่อไปเกี่ยวกับอิสราเอลและฮิซบุลเลาะห์ เขาจะดูไร้ความสามารถและไม่น่าเชื่อถือ และหากเขาไม่สามารถโน้มน้าวผู้นำชาติอื่นๆ ได้ว่าเขามีความสามารถในการทำงานนี้ เขาก็จะไม่สามารถโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ ได้เช่นกัน”

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ชาวอเมริกัน 61 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วยกับการจัดการความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ของโจ ไบเดน โดยมีเพียง 31 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วยกับยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีตามรายงานของ RealClearPolitics (RCP) ผู้รวบรวมข้อมูลการสำรวจ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นคู่แข่งของไบเดน กำลังนำหน้าไบเดนในผลสำรวจระดับชาติและระดับรัฐส่วนใหญ่

 

แปล/เรียบเรียงจาก Sputnik