กว่าแปดเดือนหลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอย่างไม่คาดคิด ซึ่งก่อให้เกิดสงครามอันโหดร้ายในฉนวนกาซา และไม่มีสัญญาณว่าจะบรรเทาลงในขณะนี้ ขณะเดียวกันกลุ่มติดอาวุธฮิซบุลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน กำลังขู่ว่าจะดึงอิสราเอลเข้าสู่แนวรบใหม่บริเวณชายแดนทางตอนเหนือ
การปะทะที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างกลุ่มฮิซบุลเลาะห์กับกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) ตามแนวชายแดนอิสราเอล–เลบานอน ทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งในฉนวนกาซาอาจลุกลามไปสู่สงครามในระดับภูมิภาค
กลุ่มฮามาสและฮิซบุลเลาะห์ ซึ่งทั้งสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และรัฐบาลอื่นๆ ตราหน้าว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย ต่างก็มีทักษะในการทำสงครามอสมมาตร (Asymmetrical Warfare) ทั้งสองกลุ่มได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและถือว่าอิสราเอลเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา แต่ในขณะที่กลุ่มฮามาสถูกจำกัดอยู่ในฉนวนกาซาเป็นส่วนใหญ่ (สำหรับการโจมตีต่ออิสราเอลตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ถือเป็นข้อยกเว้นที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นมากนัก) กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ภายใต้การนำของเลขาธิการ “ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์” ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ให้เป็นพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลและเป็นผู้กำหนดทิศทางในภูมิภาค
“ฮามาสได้รับการสนับสนุนทางการเงิน อาวุธ และการฝึกอบรมจากอิหร่านมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยอิหร่านเหมือนกับฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเกือบทั้งหมดจากอิหร่านและปฏิบัติตามคำสั่งของอิหร่าน” จูลี เอ็ม. นอร์แมน รองศาสตราจารย์ด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (UCL) เพิ่งเขียนเรื่องนี้ใน The Conversation
ต่อไปนี้คือภาพรวมขีดความสามารถทางทหารของทั้งสองกลุ่มติดอาวุธ :
ฮามาส: ยุทธวิธีกองโจร
กลุ่มฮามาส ซึ่งก่อตั้งในปี 1987 โดยเป็นสาขาย่อยของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) ดำเนินภารกิจในฉนวนกาซาเป็นหลัก ฝ่ายทหารของกลุ่มนี้หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มอัล–กัสซาม” ได้พัฒนาเครือข่ายอุโมงค์ใต้ฉนวนกาซาที่ใช้สำหรับสงครามกองโจร ทำให้การตรวจจับยากสำหรับกองกำลังอิสราเอล
ฮามาส เป็นที่รู้จักดีในด้านการผลิตและการจัดหาอาวุธประดิษฐ์เอง เช่น จรวด, ปืนครก, วัตถุระเบิด, ขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถัง และจรวดต่อต้านอากาศยานแบบพกพา (MANPADS) กลุ่มนี้มุ่งเน้นไปที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ โดยเคลื่อนย้ายอาวุธผ่านเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ
ฮามาสมีจรวดหลายประเภท เช่น M-75, R-160 และ J-80 ซึ่งสามารถยิงไกลถึง 50 ไมล์ จรวดเหล่านี้ รวมถึงจรวดระยะไกลจากอิหร่านและซีเรีย มีความสำคัญต่อความสามารถในการโจมตีของพวกเขา การประมาณจำนวนจรวดที่พวกเขามีอยู่แตกต่างกันไปอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่อิสราเอลประเมินว่ามีอยู่ระหว่าง 5,000 ถึง 20,000 ลูก
รายงานบางฉบับระบุว่าฮามาสมีขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านรถถังเป็นจำนวนมาก รวมถึงขีปนาวุธคอร์เนต (Kornet) ที่ผลิตในรัสเซียและขีปนาวุธบอลไซ (Bolsai) ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังภาคพื้นดินของอิสราเอล
ฮามาสเพิ่งเริ่มใช้โดรนฆ่าตัวตายที่ออกแบบตามโดรนอะบาบิล-2 (Ababil-2) ของอิหร่าน สำหรับภารกิจโจมตีและกามิกาเซ่ ในด้านอาวุธขนาดเล็ก นักรบฮามาสใช้ปืนไรเฟิลจู่โจม เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนกลที่ผลิตในจีนและรัสเซียรุ่นเก่าเป็นหลัก อาวุธของพวกเขารวมถึงปืน AK-47 แบบต่าง ๆ ปืนสไนเปอร์ เครื่องยิงลูกระเบิดติดจรวด และปืนกลหนัก
หลังจากสงครามที่ดำเนินไปหลายเดือน ฮามาสได้สูญเสียกำลังรบไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าการประเมินจำนวนจะแตกต่างกันอย่างมาก รายงานระบุว่าฮามาสมีนักรบประมาณ 30,000 คนก่อนวันที่ 7 ตุลาคม กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) อ้างว่าพวกเขาได้สังหารนักรบฮามาสไปประมาณ 12,000 คนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ฮิซบุลเลาะห์: ขีดความสามารถทางการทหารขั้นสูง
กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 และมีฐานอยู่ในเลบานอนเป็นหลัก มีความสามารถทางทหารที่ก้าวหน้ากว่ากลุ่มฮามาสมาก ด้วยเงินทุนและเสบียงจำนวนมากจากผู้อุปถัมภ์ในกรุงเตหะราน คลังแสงของฮิซบุลเลาะห์ประกอบด้วยจรวด ขีปนาวุธ โดรน และอาวุธต่อต้านเรือที่มีความซับซ้อน
อิสราเอลเชื่อว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์ครอบครองจรวดและขีปนาวุธประมาณ 150,000 ลูก รวมถึงฟาเตห์-110 และเซลซัล-2 ของอิหร่าน ที่สามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนอิสราเอลด้วยความแม่นยำสูง คลังแสงขนาดใหญ่และซับซ้อนนี้มีศักยภาพที่จะครอบงำระบบป้องกันภัยทางอากาศไอรอนโดม (Iron Dome) ของอิสราเอลในกรณีที่เกิดสงครามเต็มรูปแบบ
กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ยังใช้โดรนอย่างกว้างขวาง เช่นชาเฮด-136 (Shahed 136) สำหรับปฏิบัติการลาดตระเวนและโจมตี ซึ่งช่วยเสริมความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองและดำเนินการโจมตีเป้าหมาย
คลังอาวุธของฮิซบุลเลาะห์ประกอบด้วยขีปนาวุธต่อต้านเรือขั้นสูงที่ผลิตในรัสเซีย เช่น Yakhont และขีปนาวุธต่อต้านเรือของจีน เช่น Silkworm ซึ่งมีระยะยิงประมาณ 186 ไมล์ แม้ว่าความเหนือกว่าทางอากาศของอิสราเอลจะยังคงไม่ได้รับการท้าทายมากนัก แต่ระบบป้องกันทางอากาศของฮิซบุลเลาะห์ก็มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยกำลังนักรบกว่า 100,000 คน ตามที่นัสรุลเลาะห์ผู้นำที่ดำรงตำแหน่งมายาวนานกล่าวอ้าง ฮิซบุลเลาะห์มีกำลังรบที่ใหญ่กว่าฮามาสอย่างมาก เช่นเดียวกับฮามาส กลุ่มนี้ยังได้พัฒนาเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่ในภาคใต้ของเลบานอน ซึ่งให้ข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์และการป้องกันจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล
กลยุทธ์ทางทหารของฮิซบุลเลาะห์เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธนำวิถีที่แม่นยำและขีปนาวุธที่มีพลังทำลายสูง ซึ่งเป็นภัยคุกคามอย่างมากต่อเป้าหมายเฉพาะ เมื่อเทียบกับจรวดและปืนครกที่มีเทคโนโลยีต่ำกว่าที่ฮามาสใช้โจมตีอิสราเอล
ความพร้อมของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งขนาดใหญ่ ประกอบกับคลังอาวุธขั้นสูงของพวกเขา ทำให้เกิดความท้าทายที่น่ากลัวต่อระบบป้องกันของอิสราเอล ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรอื่นๆ ของอิสราเอลเรียกร้องให้สงบสติอารมณ์!
—
แปล/เรียบเรียงจาก นิวส์วีค
เผยแพร่ 24 มิ.ย. 2567