เหตุการณ์ระเบิดรุนแรงระลอกใหม่ในเลบานอนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ซึ่งมีรายงานว่าเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 รายและบาดเจ็บ 450 ราย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เกิดการระเบิดของเครื่องเพจเจอร์หลายพันเครื่องทั่วประเทศ
การโจมตี ซึ่งเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าอิสราเอลเป็นผู้ก่อเหตุต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ทำให้เกิดความกลัวว่าความขัดแย้งที่กำลังคุกรุ่นของทั้งสองฝ่ายอาจทวีความรุนแรงกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ
อัลจาซีรารายงานว่ามีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดระเบิด ทั้งวิทยุสื่อสาร โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป และแม้แต่ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย มีรายงานว่ารถหลายคันระเบิดด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากตัวรถระเบิดเองหรือมีอะไรอยู่ข้างใน
สถานีโทรทัศน์อัลมานาร์ ซึ่งเป็นสื่อของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รายงานว่าระเบิดที่เกิดขึ้นในระลอกใหม่นี้เป็นผลมาจาก “วิทยุสื่อสาร” ซึ่งเชื่อว่าถูกใช้ในระบบสื่อสารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เอง โดยการระเบิดเกิดขึ้นในหลายจุดสำคัญ รวมถึงในพื้นที่ชุมชนและย่านที่อยู่อาศัย
ข้อมูลจากสำนักข่าวแห่งชาติของเลบานอน (NNA) รายงานเพิ่มเติมว่า ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งในบ้านเรือนในกรุงเบรุตบางส่วนก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันกับอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ เช่น แบตเตอรี่และวิทยุสื่อสารในรถยนต์
ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานว่าอุปกรณ์สื่อสารประเภทวิทยุแบบพกพาหรือ “วิทยุสื่อสาร” หลายเครื่องเกิดการระเบิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ความตื่นตระหนกในกรุงเบรุตและเมืองใกล้เคียงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้แจ้งกับสำนักข่าว AFP ว่าการระเบิดเกิดขึ้นจากอุปกรณ์สื่อสารของสมาชิกกลุ่มที่เพิ่งถูกซื้อมาไม่นานนี้
แหล่งข่าวความมั่นคงของเลบานอนเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า วิทยุสื่อสารแบบพกพาที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ใช้ในการสื่อสารภายในเกิดการระเบิด วิทยุดังกล่าวเป็นรุ่น ICOM-V82 ซึ่งเป็นรุ่นที่เลิกผลิตแล้ว โดยเป็นที่ทราบว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ซื้อวิทยุดังกล่าวพร้อมกับเครื่องเพจเจอร์ในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ 1 วัน เกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่จากวิทยุติดตามตัวหรือ “เพจเจอร์” กว่า 3,000 เครื่อง ในเลบานอนและซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 2,750 ราย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์มีอิทธิพลสูง ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นการโจมตีที่ประสานงานกันอย่างชัดเจน
เว็บไซต์ข่าว Axios รายงานเพิ่มเติมว่า หน่วยข่าวกรองของอิสราเอลอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการติดตั้งอุปกรณ์ระเบิดล่วงหน้าในวิทยุสื่อสารและเพจเจอร์จำนวนมาก ซึ่งต่อมาถูกส่งมอบให้กับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เพื่อใช้เป็นระบบสื่อสารในช่วงภาวะสงคราม
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังมีผลกระทบทางการแพทย์อย่างรุนแรง จักษุแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเบรุตกล่าวกับบีบีซีว่า 60% ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาสูญเสียดวงตาอย่างน้อยหนึ่งข้าง และในหลายกรณีผู้ป่วยยังสูญเสียมือจากการระเบิดอีกด้วย
ดร.เอเลียส วาร์รัก ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ป่วยบาดเจ็บจากระเบิด กล่าวว่า “วันนี้อาจเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉันในฐานะแพทย์ ฉันไม่เคยเห็นจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน”
หลังหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่จากวิทยุติดตามตัว นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์เตือนถึงความเสี่ยงที่เหตุการณ์นี้อาจนำไปสู่การยกระดับความรุนแรงในภูมิภาค เขาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจและหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจนำไปสู่การปะทะขนาดใหญ่
กูเตอร์เรสกล่าวกับสื่อมวลชนว่า “เห็นได้ชัดว่าการระเบิดของอุปกรณ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเชิงป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินการทางทหารครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้”
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลก็ออกแถลงการณ์หลังเกิดเหตุระเบิดเพจเจอร์ว่า เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนทางตอนเหนือของอิสราเอลที่ต้องพลัดถิ่นจากการปะทะกลับสู่บ้านอย่างปลอดภัย
พร้อมกันนั้น โยอัฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลกล่าวว่า ขณะนี้อิสราเอลได้เข้าสู่ “สงครามในระยะใหม่” โดยการเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารและทรัพยากรทางการทหารไปยังทางตอนเหนือของประเทศเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในเลบานอน
แหล่งข่าวความมั่นคงที่ให้สัมภาษณ์กับอัลมายายดีน สื่อที่ใกล้ชิดกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน โดยการระเบิดเกิดจากการส่งข้อความรหัสเพื่อเปิดใช้งานวัตถุระเบิดภายในเครื่องเพจเจอร์ ไม่ใช่เกิดจากแบตเตอรี่เพจเจอร์ตามที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก
แหล่งข่าวอธิบายว่า เพจเจอร์เหล่านี้ได้รับการปรับแต่งให้สามารถบรรจุวัตถุระเบิดขนาดเล็กไว้ภายในหน่วย IC (วงจรรวม) ซึ่งทำให้สามารถหลบเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องสแกนทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ในสนามบินก็ตาม
เหตุระเบิดระลอกใหม่ในเลบานอนนี้ยังทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต้องเรียกประชุมฉุกเฉินในวันศุกร์ที่ 20 กันยายน เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยยังไม่ทราบแน่ชัดถึงรูปแบบการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน อิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของฮิซบอลเลาะห์ก็ออกแถลงการณ์ผ่านผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ระบุว่าอิหร่านสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้การโจมตีใดๆ ของอิสราเอล หลังจากที่เอกอัครราชทูตอิหร่านในเลบานอน โมจตาบา อามานี ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดในเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นกัน .