ฮิซบุลเลาะห์ครอบครองอาวุธอะไรบ้าง? เจาะลึกศักยภาพและขุมกำลังลับที่คุณต้องรู้

เจ้าหน้าที่และกองกำลังของอิสราเอลรวมตัวกันท่ามกลางเศษซากและยานพาหนะที่ถูกไฟไหม้ในเมืองคิร์ยาตเบียลิก ประเทศอิสราเอล หลังจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์โจมตีด้วยจรวดเมื่อเดือนกันยายน 2024 (เอเอฟพี)

ฮิซบุลเลาะห์ มีศักยภาพในการใช้อาวุธหลายประเภท รวมถึงขีปนาวุธและโดรน ตลอดจนทหารที่มีประสบการณ์ในการรบจำนวนมาก กรณีที่อิสราเอลบุกทางตอนใต้ของเลบานอน

“ฮิซบุลเลาะห์” ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐที่แข็งแกร่งมากที่สุดในโลก ได้ถูกโจมตีจากอิสราเอลอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา

กลุ่มนี้ได้ปะทะกับอิสราเอลบริเวณชายแดนตอนใต้ของเลบานอนเป็นระยะๆ นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีทางใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเริ่มจากการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอนเป็นเวลาสองวันในวันที่ 17 และ 18 กันยายน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระเบิดของเพจเจอร์และวอล์กกี้ทอล์กี้ที่เป็นของฮิซบุลเลาะห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 3,000 ราย

หลังจากนั้น ในวันที่ 20 กันยายน มีการโจมตีทางอากาศในเขตที่มีประชากรหนาแน่นในเบรุต ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 45 คน รวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบุลเลาะห์ 2 นาย ตลอดจนสตรีและเด็กหลายคน

สัปดาห์นี้ การทิ้งระเบิดอย่างกว้างขวางในทางตอนใต้และตะวันออกของเลบานอนโดยอิสราเอล ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 560 คน และทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้าน

ในวันพุธ (25 ก.ย.) ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ฮิซบุลเลาะห์ได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังเมืองเทลอาวีฟ เมืองที่มีประชากรมากที่สุดของอิสราเอล หลังจากที่กลุ่มยิงจรวดไปยังภาคเหนือของอิสราเอลมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

ขบวนการต่อสู้แห่งเลบานอนนี้ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการยึดครองทางใต้ของเลบานอนโดยอิสราเอลระหว่างปี 1982 ถึง 2000 ได้สะสมและพัฒนาคลังอาวุธที่หลากหลายและซับซ้อนอย่างมาก สำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย (MEE) ได้พาไปสำรวจศักยภาพของพวกเขา

โดรน

โดรนของฮิซบุลเลาะห์ถูกใช้ทั้งในการโจมตีเป้าหมายของอิสราเอลและยังใช้เพื่อการสอดแนมด้วย

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ฮิซบุลเลาะห์ได้ใช้โดรนบรรทุกวัตถุระเบิด โดรนโจมตีฐานทัพของกองทัพอิสราเอลในที่ราบสูงโกลันที่ถูกยึดครองในช่วงต้นเดือนนั้น ส่งผลให้ทหารอิสราเอลบาดเจ็บสองนาย

จากซ้ายไปขวา: โดรนของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เหนือดินแดนทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2024 และโดรนของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ถูกทำลายโดยกองกำลังอิสราเอลในวันเดียวกัน (AFP)

ฮิซบุลเลาะห์ยังใช้โดรนและขีปนาวุธพิสัยใกล้เพื่อพยายามทำลายระบบป้องกันอากาศไอรอนโดมของอิสราเอล ซึ่งจัดหามาจากสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลอื่นๆ ที่สามารถโจมตีได้ลึกเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล

โดรนยังถูกนำมาใช้เพื่อการสอดแนมอีกด้วย ในเดือนมิถุนายน ฮิซบุลเลาะห์ได้ปล่อยโดรนเชิงพาณิชย์บินเหนือเมืองไฮฟาเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อบันทึกวิดีโอ จากนั้นได้เผยแพร่บางส่วนทางออนไลน์

วิดีโอความยาวเก้านาทีที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์อัลมายาดีน และอัลมานาร์ แสดงให้เห็นสถานที่หลายแห่ง รวมถึงสถานที่ทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

จรวด

คาดว่าฮิซบุลเลาะห์มีจรวดและขีปนาวุธประมาณ 130,000 ลูก ซึ่งได้สะสมมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ความขัดแย้งครั้งล่าสุดกับอิสราเอลในปี 2006

คลังแสงของกลุ่มนี้ประกอบด้วยจรวดฟาลัก-2 (Falaq-2) ที่ใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน มีพิสัยการโจมตี 10 กม. และบรรทุกหัวรบที่มีขนาดใหญ่กว่าจรวด ฟาลัก-1 ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้

จรวดหลายรุ่นของฮิซบุลเลาะห์ เช่น ฟัจร์ (Fajr), คัยบาร์ (Khaibar), ระอัด (Raad) และ ซิลซาล (Zilzal) มีพิสัยกลางระหว่าง 40-200 กม. และบรรทุกหัวรบระเบิดที่ทรงพลังระหว่าง 50 ถึง 600 กิโลกรัม

ในอดีต ฮัสซัน นัศรุลเลาะห์ ผู้นำของฮิซบุลเลาะห์ ได้ระบุว่า กลุ่มสามารถดัดแปลงอาวุธบางส่วนจากจรวดไร้วิถีให้กลายเป็นขีปนาวุธที่แม่นยำได้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยเพจเจอร์และวอล์กกี้ทอล์กกี้ ฮิซบุลเลาะห์ระบุว่าได้โจมตีฐานทัพอากาศรามัตเดวิด (Ramat David) ของอิสราเอล ด้วยจรวดฟาดี-1 (Fadi 1) และฟาดี-2 (Fadi 2) ซึ่งเป็นอาวุธพิสัยไกลที่ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนในความขัดแย้งที่กินเวลานานถึง 1 ปี จรวดเหล่านี้มีพิสัยการยิงระหว่าง 80 ถึง 105 กม.

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ฮิซบุลเลาะห์ได้ประกาศว่ามีการใช้จรวดฟาดี-3 (Fadi 3) ในการโจมตีฐานทัพแซมสัน ของอิสราเอลในภูมิภาคกาลิลีตอนล่าง โดยฟาดี-3 เป็นจรวดที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อนเช่นกัน

นักรบฮิซบอลเลาะห์แห่งเลบานอนยืนใกล้เครื่องยิงจรวดหลายเครื่องระหว่างทัวร์สื่อมวลชนในเมืองอารัมตา ทางตอนใต้ของเลบานอน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 (เอเอฟพี)

ขีปนาวุธพิสัยไกล

มีรายงานว่า ฮิซบุลเลาะห์ครอบครองขีปนาวุธฟาเตห์-110 (Fateh-110) ของอิหร่านและขีปนาวุธสกั๊ด (Scud) ซึ่งมีพิสัยการยิง 250-300 กม. และ 300-550 กม. ตามลำดับ

อันเดรอัส ครีก (Andreas Krieg) ศาสตราจารย์จากภาควิชาการศึกษาด้านการป้องกันประเทศที่ คิงส์คอลเลจลอนดอน บอกกับสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อายว่า “ขีปนาวุธพิสัยสั้นและพิสัยกลางจำนวนมากถูกทำลาย” โดยการโจมตีของอิสราเอลในเลบานอนในสัปดาห์ที่ผ่านมา

“แต่ขีปนาวุธที่ทรงพลังที่สุดของฮิซบุลเลาะห์นั้นไม่ได้ถูกเก็บไว้บนดิน แต่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ขีปนาวุธที่มีขนาดใหญ่เหล่านี้นี้ซึ่งมีหัวรบที่ทรงพลังและพิสัยการยิงที่ไกลกว่า จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อฮิซบุลเลาะห์เผชิญกับสถานการณ์สงครามเต็มรูปแบบเท่านั้น” ศ.ครีก กล่าว

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอิสราเอลจะมหาศาลจนไม่อาจถอยกลับจากขอบเหวแห่งสงครามได้อีก”

เชื่อกันว่ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์มีขีปนาวุธฟาเตห์ 110 ในภาพนี้ กองทัพอิหร่านจัดแสดงขีปนาวุธรุ่นเดียวกันนี้ระหว่างขบวนพาเหรดในกรุงเตหะรานเมื่อเดือนกันยายน 2554 (รอยเตอร์)

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ฮิซบุลเลาะห์ระบุว่าได้ยิงขีปนาวุธนำวิถีที่มุ่งโจมตีสำนักงานใหญ่ของหน่วยข่าวกรองมอสสาด ใกล้กับเมืองเทลอาวีฟ อิสราเอลกล่าวว่าขีปนาวุธถูกสกัดกั้นไว้ได้และไม่มีผู้เสียชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่มีการยิงขีปนาวุธจากเลบานอนไปยังอิสราเอลตอนกลาง

ในเดือนเมษายน อิหร่านได้ยิงโดรนประมาณ 170 ลำ ขีปนาวุธร่อน 30 ลูก และขีปนาวุธนำวิถี 120 ลูกไปยังอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งแรกของอิหร่านต่อดินแดนอิสราเอล ขีปนาวุธส่วนใหญ่ถูกสกัดกั้นโดยอิสราเอล สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และจอร์แดน

แม้ว่าขีปนาวุธนำวิถีของฮิซบุลเลาะห์ในวันพุธจะถูกหยุดได้ แต่การโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธพิสัยไกลพร้อมกันจากฮิซบุลเลาะห์จะยากต่อการสกัดกั้นมากกว่าการโจมตีของอิหร่าน

“ขีดความสามารถด้านขีปนาวุธผสมของฮิซบุลเลาะห์เป็นภัยคุกคามทางกายภาพที่ใหญ่ที่สุดต่ออิสราเอล” ศ.ครีก กล่าว “เพราะอยู่ใกล้อิสราเอลทำให้การสกัดกั้นยากขึ้น เนื่องจากมีเวลาการเตือนน้อยกว่า โดยเฉพาะสำหรับขีปนาวุธระยะไกลที่มีวิถีแตกต่างจากขีปนาวุธขนาดเล็กที่ฮิซบุลเลาะห์ยิงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา”

ระบบป้องกันทางอากาศ

จุดที่อิสราเอลน่าจะสร้างความเสียหายให้กับฮิซบุลเลาะห์ได้มากที่สุดคือการโจมตีทางอากาศ

กลุ่มฮิซบุลเลาะห์มีอาวุธป้องกันหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อทำลายอาวุธของอิสราเอล รวมถึงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง และขีปนาวุธต่อต้านเรือ

กระสุนพื้นสู่อากาศ เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานรุ่น 358 ที่ผลิตโดยอิหร่าน ถูกใช้หลายครั้งตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพื่อยิงโดรนอิสราเอล

อย่างไรก็ตาม ระบบเหล่านี้ให้การป้องกันเพียงเล็กน้อยเมื่อเผชิญกับการโจมตีขนาดใหญ่ของอิสราเอล เช่นที่เห็นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และไม่สามารถเทียบได้กับระบบป้องกันทางอากาศของอิสราเอล เช่น ไอรอนโดม แอโรว์ และ เดวิดส์สลิง

มุสตาฟา อัสอัด (Mustafa Asaad) นักวิเคราะห์ทางทหารของเลบานอนกล่าวกับมิดเดิลอีสต์อาย ว่า “เมื่อเผชิญกับการโจมตีทางอากาศ ฮิซบุลเลาะห์ไม่สามารถต้านทานความเหนือกว่าของอิสราเอลได้”

“ระบบป้องกันอากาศสองหรือสามประเภทที่มีอยู่และเห็นใช้งานในทางตอนใต้ของเลบานอนสามารถใช้ได้เพียงกับโดรนหรือเฮลิคอปเตอร์ที่บินต่ำเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม อัสอัดกล่าวเสริมว่า ขีปนาวุธต่อต้านเรือของฮิซบุลเลาะห์มีศักยภาพที่แข็งแกร่งกว่า ขีปนาวุธต่อต้านเรือ Yakhont ซึ่งเป็นขีปนาวุธนำวิถีที่มีระยะ 300 กม. และสามารถบรรทุกวัตถุระเบิดได้ 200 กิโลกรัม อาจเป็นภัยคุกคามต่อการเดินเรือหรือขัดขวางความพยายามของอิสราเอลในการปิดกั้นเลบานอนทางทะเล

กองกำลังภาคพื้นดินและการป้องกัน

ฮิซบุลเลาะห์ไม่สามารถประจำการเครื่องบินขับไล่หรือยานเกราะในเลบานอนได้ เนื่องจากอิสราเอลมีความเหนือกว่าในอากาศ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ฮิซบุลเลาะห์เป็นเจ้าของรถถัง T-55 และ T-72 รวมถึงยานเกราะอื่นๆ ซึ่งเก็บไว้ในซีเรียและถูกนำมาใช้ในการปฏิบัติการสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย

ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่าอิสราเอลมีแผนที่จะรุกรานเลบานอนทางบกหรือไม่ เมื่อถูกถามเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า “เราจะทำในสิ่งที่จำเป็น”

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของเลบานอนบอกกับมิดเดิลอีสต์อายว่า หากเกิดการรุกราน กองทัพเลบานอนจะเข้าร่วมกับ ฮิซบุลเลาะห์ในการต่อสู้

ศ.ครีกกล่าวว่า ศูนย์กลางอำนาจของฮิซบุลเลาะห์อยู่ที่การป้องกันทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างขึ้นในภูเขาหินทางตอนใต้และตะวันออกของเลบานอน ซึ่งอาจครอบคลุมหลายร้อยกิโลเมตร

“ระบบอุโมงค์ถูกขุดลึกลงไปในหินโดยวิศวกรจากอิหร่านและเกาหลีเหนือ สิ่งเหล่านี้เป็นป้อมปราการที่ไม่สามารถเจาะทะลุได้ ซึ่งฮิซบุลเลาะห์จะใช้เป็นฐานปฏิบัติการหากอิสราเอลตัดสินใจบุก”

อุโมงค์ยาว 200 เมตรที่สร้างโดยนักรบฮิซบอลเลาะห์ที่อนุสรณ์สถานฮิซบอลเลาะห์ในเมืองมลีตา ทางตอนใต้ของเลบานอน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 (เอเอฟพี)

จำนวนนักรบ

ในปี 2022 คาดว่าฮิซบุลเลาะห์มีทหารนักรบประจำการประมาณ 20,000 นาย และทหารสำรองอีก 20,000 นาย

ในกรณีที่เกิดสงครามภาคพื้นดิน กองกำลังของฮิซบุลเลาะห์มีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้มากกว่าครั้งสุดท้ายที่ปะทะกับอิสราเอลในปี 2006 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาได้ผ่านประสบการณ์การรบในเมืองจากการสู้รบเคียงข้างกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ในสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยาวนานถึง 10 ปี

ศ.ครีกกล่าวว่า กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ได้สูญเสียนักรบที่มีประสบการณ์บางส่วนในสงครามกลางเมืองซีเรีย “นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการระดับกลางและระดับสูงหลายคนของฮิซบุลเลาะห์ถูกอิสราเอลลอบสังหาร ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้กลับหากทหารราบของอิสราเอลบุกเข้ามา”

อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่า “โครงสร้างเครือข่ายของฮิซบุลเลาะห์ทำให้กลุ่มมีความยืดหยุ่นอย่างมหาศาล”

“สิ่งนี้เมื่อผสมผสานกับโครงสร้างอุโมงค์ที่ซับซ้อนและไม่สามารถเจาะทะลุได้ทางตอนใต้ของเลบานอน ทำให้ภัยคุกคามจากฮิซบุลเลาะห์เป็นสิ่งที่อิสราเอลไม่สามารถทำลายได้ด้วยกำลังทหาร”

ทหารอิสราเอลเองก็มีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชนเช่นกัน หลังจากทำการบุกภาคพื้นดินในกาซาเกือบ 11 เดือนที่ผ่านมา แต่ ศ.ครีกไม่คิดว่าสิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงขีดความสามารถในการต่อสู้ทางภาคพื้นดินของอิสราเอลได้มากนัก

“กองทัพอิสราเอลไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนมากนัก ในการจัดการกับสงครามเมืองในกาซา” เขากล่าว “[มัน] เป็นกองทัพที่ถูกกัดกร่อนจากการยึดครองและการควบคุมประชากรมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ และกองทัพอิสราเอลมีประสบการณ์น้อยมากในการสู้รบแบบเข้มข้นสูง”

แม้ว่าอิสราเอลจะมีการจัดหาอาวุธและฮาร์ดแวร์อย่างต่อเนื่อง แต่กำลังคนของพวกเขาก็ถูกใช้หมดไปจากสงครามในกาซาที่ดำเนินมาหนึ่งปี

อัสอัดระบุว่า อิสราเอลไม่น่าจะเปิดฉากการบุกภาคพื้นดินเต็มรูปแบบเช่นเดียวกับในปี 1978 หรือ 1982 “พวกเขารู้ดีว่าจะไม่สามารถบรรลุชัยชนะทางยุทธวิธีได้ และจะถูกลากเข้าสู่พื้นที่สังหารอย่างช้าๆ เท่านั้น”

 

โต๊ะข่าวต่างประเทศ เดอะพับลิกโพสต์
แปลและเรียบเรียงจาก สำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย (MEE)
เขียนโดย เรย์ฮาน อุดดินและเฮบา นาสเซอร์
อ่านต้นฉบับ https://www.middleeasteye.net