จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่าน และอิหร่านตอบโต้กลับอย่างหนักหน่วงในหลายพื้นที่ ล่าสุดวันนี้ (16 มิ.ย.) เชคริฎอ อะหมัด สมะดี นักวิชาการอิสลามและนักวิเคราะห์สถานการณ์โลกมุสลิม ได้ให้สัมภาษณ์กับช่องไวท์นิวส์ วิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว โดยในช่วงท้ายการให้สัมภาษณ์ เชคริฎอ แสดงจุดยืนชัดเจนต่อบทบาทของประชาคมมุสลิมในวิกฤตครั้งนี้
“อยากให้พี่น้องมุสลิมทั่วโลกได้มองว่า มุสลิมต้องเลือกข้าง เราจะไม่เลือกข้างไม่ได้” เชคริฎอกล่าว พร้อมย้ำว่า แม้อิหร่านจะเป็นประเทศชีอะห์และเคยมีบทบาทที่ซับซ้อนในโลกมุสลิม แต่เมื่อถึงจุดที่เราต้องจำแนกเหตุการณ์ เราก็ต้องมีวิจารณญาณที่รอบคอบ แยกแยะจากข้อขัดแย้งในอดีต
“ตอนนี้เป็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับมุสลิม และอิหร่านก็เป็นประเทศมุสลิม ประชากรของเขาก็เป็นมุสลิม ศัตรูของอิสลามชัดเจนคืออิสราเอล ที่กำลังโจมตีพี่น้องมุสลิมของเราที่อิหร่าน เราไม่ได้มองถึงความต่างทางความเชื่อ เรื่องอุตริกรรม แต่เรามองว่าเขาคือมุสลิม และเมื่อเขาเป็นมุสลิม เราต้องเลือกข้างมุสลิม ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย”
เชคริฎอยังเน้นว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ละคร แต่เป็น “สงครามจริง” ที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก และในฐานะมุสลิม “อย่างน้อยกำลังใจและดุอาอ์ของเราควรอยู่กับพี่น้องมุสลิมในอิหร่าน ขอให้อัลลอฮ์ทรงช่วยเหลือและประทานชัยชนะแก่พวกเขา”
ทั้งนี้ การที่เชคริฎอเน้นย้ำว่าสงครามครั้งนี้ “ไม่ใช่ละคร” อาจสะท้อนความพยายามตอบโต้กระแสความเชื่อของชาวมุสลิมบางกลุ่มที่มองว่าอิหร่านและอิสราเอลเป็น “พันธมิตรลับ” ที่สร้างฉากสงครามขึ้นมาเพื่อหลอกลวงประชาคมมุสลิม วาทกรรมอย่าง “อิหร่านการละคร” หรือ “ชีอะห์การละคร” ได้กลายเป็นแนวคิดที่ถูกใช้เพื่อบั่นทอนความชอบธรรมของอิหร่านในการเผชิญหน้ากับอิสราเอล แต่คำกล่าวของเชคริฎอก็ชี้ชัดว่าความขัดแย้งครั้งนี้มีความจริงจังและรุนแรงเกินกว่าจะมองผ่านเลนส์ของทฤษฎีสมคบคิด
การให้สัมภาษณ์ของเชคริฎอถือเป็นเสียงสะท้อนสำคัญจากฝ่ายวิชาการศาสนาในไทย ที่เรียกร้องให้สังคมมุสลิมไม่เพิกเฉย และมีจุดยืนที่ชัดเจนต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ชมคลิปสัมภาษณ์เชคริฎอกับไวท์นิวส์