อิสราเอลโจมตีผู้นำฮามาสในโดฮา: กาตาร์เดือด โลกประณาม สหรัฐฯ เสียสมดุล

เมื่อวันอังคารที่ 9 กันยายน เวลาประมาณ 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (13.00 น. GMT) อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่อาคารพักอาศัยกลางกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ โดยระบุว่าเป้าหมายคือผู้นำการเมืองของฮามาสที่กำลังหารือข้อเสนอหยุดยิงล่าสุดของสหรัฐฯ สำหรับฉนวนกาซา

รายงานระบุว่ามีการโจมตีทางอากาศประมาณ 12 ครั้ง มุ่งเป้าไปที่อาคารที่พักอาศัยกลางย่านกาตารา เสียงระเบิดดังสนั่นหลายระลอก ควันพวยพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้าในเขตที่มีสถานทูต โรงเรียน และบ้านเรือนพลเรือนจำนวนมาก

กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ X ยืนยันว่าได้ใช้ “อาวุธยุทโธปกรณ์ที่แม่นยำ” เพื่อลดอันตรายต่อพลเรือน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศกาตาร์ระบุว่าการโจมตีมุ่งตรงใส่อาคารพักอาศัยโดยตรง

ผู้สื่อข่าวอัลจาซีรารายงานจากโดฮาว่า พื้นที่ถูกโจมตีเป็นย่านที่พักอาศัยหนาแน่น และเสียงระเบิดได้ยินไปไกลทั่วเมือง

แกนนำรอด แต่ผู้ใกล้ชิดเสียชีวิต

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับขบวนการปาเลสไตน์เปิดเผยกับ Middle East Eye ว่าผู้นำระดับสูงทุกคนที่เป็นเป้าหมายรอดชีวิต รวมถึงคาลิล อัล-ไฮยา, คาลิด เมชอาล และซาเฮอร์ จาบาริน อย่างไรก็ตาม การโจมตีทำให้คาลิล บุตรชายของฮัมมัม อัล-ไฮยา และจิฮาด ลุบบัด ผู้อำนวยการสำนักงานของเขาเสียชีวิต พร้อมกับสมาชิกกลุ่มอีกหลายคน

ฮามาสยืนยันว่าแกนนำรอดชีวิตจริง แต่มีผู้เสียชีวิต 5 ราย รวมทั้งบุตรชายของคาลิล อัล-ไฮยา และเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดอีก 3 คน ขณะเดียวกัน กาตาร์ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของตนเสียชีวิตด้วย 1 ราย

แหล่งข่าวของฮามาสระบุเพิ่มเติมว่า การโจมตีครั้งนี้อาจเป็นการ “พลาดเป้า” เพราะที่จริงแล้วมีการประชุมของฮามาสใกล้พื้นที่ แต่สถานที่ถูกปกปิดตามมาตรการรักษาความปลอดภัยมาตรฐาน

ท่าทีอิสราเอล: การประกาศอย่างเป็นทางการ

สำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูออกแถลงการณ์ยืนยันว่า:

“การโจมตีโดฮาเป็นปฏิบัติการของอิสราเอลที่เป็นอิสระโดยสิ้นเชิง อิสราเอลริเริ่ม อิสราเอลดำเนินการ และอิสราเอลรับผิดชอบเต็มที่”

กองทัพและหน่วยความมั่นคงชินเบตระบุว่าการโจมตีมุ่งเป้าที่แกนนำฮามาส “ผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อการสังหารหมู่ 7 ตุลาคม” พร้อมอ้างว่าใช้อาวุธแม่นยำและข่าวกรองเพื่อจำกัดอันตรายต่อพลเรือน

นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูและรัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล คัตซ์ ยังออกแถลงการณ์ร่วมย้ำว่าการโจมตีครั้งนี้ “ชอบธรรมโดยสิ้นเชิง” โดยเชื่อมโยงกับเหตุกราดยิงในเยรูซาเล็มตะวันออกที่คร่าชีวิตชาวอิสราเอล 6 คนเมื่อวันก่อน

อิสราเอล คัตซ์ โพสต์บน X ประกาศชัดเจนว่า:

“นโยบายความมั่นคงของอิสราเอลชัดเจน แขนยาวของอิสราเอลจะเข้าจัดการศัตรูไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด ไม่มีที่ใดให้หลบซ่อน”

ด้านประธานสภาอิสราเอล อามีร์ โอฮานา เผยแพร่วิดีโอการโจมตีพร้อมข้อความภาษาอาหรับว่า “นี่คือสารถึงทั้งตะวันออกกลาง” ถือเป็นการประกาศเชิงสัญลักษณ์ว่าปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ใช่เพียงการสังหารเป้าหมาย

รายงานของ Wall Street Journal เปิดเผยเพิ่มเติมว่า อิสราเอลแจ้งให้สหรัฐฯ ทราบเพียง “ไม่กี่นาที” ก่อนเริ่มโจมตี และไม่ได้เปิดเผยพิกัดเป้าหมายล่วงหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพิ่งเข้าใจสถานการณ์หลังการยิงขีปนาวุธเริ่มต้นแล้ว

กาตาร์: การตอบโต้ทางการทูต

นายกรัฐมนตรีกาตาร์ มุฮัมมัด บิน อับดุลเราะห์มาน อาล ธานี ประกาศชัดว่า:

“การโจมตีกรุงโดฮาของอิสราเอลไม่อาจตีความเป็นอื่นได้นอกจากการก่อการร้ายโดยรัฐ”

เขาย้ำว่ากาตาร์ขอสงวนสิทธิในการตอบโต้ และเตือนว่าการเจรจาหยุดยิงที่กำลังดำเนินอยู่ “อาจไม่เหลือความชอบธรรม” หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมวิจารณ์นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูว่าใช้นโยบาย “ก่อการร้ายโดยรัฐเพื่อสั่นคลอนภูมิภาค”

ก่อนหน้านี้ กาตาร์ได้ประณามอย่างรุนแรงว่าเป็น “การกระทำขี้ขลาด” และยืนยันว่ามีการทิ้งระเบิดใส่อาคารพักอาศัยซึ่งมีแกนนำการเมืองของฮามาสพำนักอยู่

สหรัฐฯ: ความคลุมเครือและแรงกดดัน

อัลจาซีราอ้างแหล่งข่าวทหารสหรัฐฯ ว่าพวกเขาไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งนี้ ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ ในโดฮาออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัยเพื่อความปลอดภัย

อย่างไรก็ดี สื่ออิสราเอลรายงานว่าการโจมตีได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งภายหลังทำเนียบขาวปฏิเสธ โดยระบุว่าเป็นการตัดสินใจของเนทันยาฮูเอง

รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ กล่าวว่าทรัมป์เห็นว่า “ไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ” แม้ยอมรับว่ามี “ข้อดี” ในการสังหารแกนนำบางส่วน ขณะที่ทรัมป์เองย้ำกับชีคตะมีม บิน ฮามัด อาล ธานี เอมิรกาตาร์ว่า “จะไม่เกิดเหตุลักษณะนี้บนแผ่นดินกาตาร์อีก”

สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตออกมาวิพากษ์อย่างรุนแรง โดยมาร์ก โพแคน ระบุว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนว่าเนทันยาฮู “ไม่มีความตั้งใจยุติสงครามหรือปกป้องพลเรือน” และเรียกร้องให้สหรัฐฯ ใช้แรงกดดันยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ปฏิกิริยานานาชาติ: ประณามเป็นเอกภาพ

หลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศออกแถลงการณ์ประณาม รวมถึงตุรกี อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ขณะที่องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติรับผิดชอบบังคับให้อิสราเอลยุติการรุกราน

ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ระบุชัดว่าการโจมตีดังกล่าว “ยอมรับไม่ได้” ส่วนเลขาธิการยูเอ็น อันโตนิโอ กูเตร์เรส ชี้ว่าเป็น “การละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนกาตาร์อย่างร้ายแรง”

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉินตามคำร้องของแอลจีเรียและปากีสถาน เพื่อหารือเหตุการณ์ที่อาจทำให้ความขัดแย้งในภูมิภาคบานปลาย

การประเมินสถานการณ์: จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า การโจมตีโดฮาคือ “จุดเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์” ที่ทำให้อิสราเอลข้ามเส้นแดงทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างเปิดเผย

โยสซี เมเคลเบิร์ก จาก Chatham House กล่าวว่า “อิสราเอลโจมตีกาตาร์ ทั้งที่กาตาร์กำลังเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง” พร้อมตั้งคำถามถึงความจริงใจของเนทันยาฮูที่อ้างว่าห่วงใยตัวประกันในกาซา

มารวน บิชารา นักวิเคราะห์อาวุโสของอัลจาซีรา เขียนว่า “การที่ฮามาสแสดงท่าทีพร้อมเจรจาข้อตกลงหยุดยิง แต่กลับถูกโจมตีทันที สะท้อนพฤติกรรมแบบแก๊งมาเฟีย ไม่ใช่รัฐที่เคารพการทูต”

อันเดรียส ครีก จากคิงส์คอลเลจ ลอนดอน มองว่า ความล้มเหลวในการสังหารแกนนำฮามาสคือ “หายนะทางยุทธวิธี” ที่จะสร้างต้นทุนมหาศาลเชิงการทูต และอาจปิดตายความพยายามปกติสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย

เหตุโจมตีโดฮาไม่ใช่แค่การทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายผิดพลาด หากแต่เป็นการ เขย่าระเบียบภูมิรัฐศาสตร์ตะวันออกกลาง อิสราเอลแสดงชัดว่าไม่มีเส้นแดงใดที่ยอมรับได้อีกต่อไป แม้แต่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างกาตาร์ ขณะที่วอชิงตันต้องเผชิญคำถามใหญ่เรื่องความน่าเชื่อถือ และกาตาร์เองอาจไม่อาจทำหน้าที่เป็นคนกลางทางการทูตได้เช่นเดิม ซึ่งนี่คือ จุดเปลี่ยนของภูมิภาค ที่อาจกำหนดทิศทางความขัดแย้งตะวันออกกลางในระยะยาว.