วันที่ 19 กันยายน 2568 ประชาชนกลุ่มหนึ่งในนามชมรมคนไทยรักปาเลสไตน์ จังหวัดภูเก็ต ได้เข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร้องเรียนและคัดค้านการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองของชาวอิสราเอลในพื้นที่
ในหนังสือระบุว่า อิสราเอลเป็นผู้ก่ออาชญากรรมสงครามต่อชาวปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสังหารเด็ก ผู้หญิง และประชาชนผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ การจัดกิจกรรมสาธารณะในไทยจึงอาจถูกมองว่าเป็นการสนับสนุนหรือให้ความชอบธรรมต่อการกระทำดังกล่าว ซึ่งขัดกับหลักการด้านมนุษยธรรมและนโยบายต่างประเทศของไทย
ชมรมคนไทยรักปาเลสไตน์ภูเก็ตยังยกตัวอย่างหลักคำสอนอิสลามที่สั่งห้ามการกดขี่และการช่วยเหลือผู้กดขี่ พร้อมชี้ว่าการปล่อยให้กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจะทำให้ประเทศไทยถูกมองในแง่ลบจากนานาชาติ อีกทั้งยังอาจสร้างความแตกแยกในสังคมและละเมิดความรู้สึกของพี่น้องมุสลิมจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทางชมรมฯ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมใดๆ ของชาวอิสราเอลในพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาความไม่สงบและรักษาศักดิ์ศรีของประชาชนไทย พร้อมยืนยันว่าการคัดค้านครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาต่อต้านชาวยิวโดยทั่วไป แต่เป็นการแสดงจุดยืนต่อการกระทำของรัฐอิสราเอลที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
คำชี้แจงจากเทศบาลราไวย์
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ชาวอิสราเอลเตรียมจัดงานปีใหม่ยิวบริเวณหาดราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต ระหว่างวันที่ 22–23 กันยายน 2568 เทศบาลตำบลราไวย์ได้ออกประกาศยืนยันผ่านเพจ เทศบาลตำบลราไวย์ https://www.facebook.com/rawaimunicipality ในวันศุกร์ 19 ก.ย. ว่า
ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการจัดงานปีใหม่ยิว ช่วงเทศกาลปีใหม่ยิว (ระหว่างวันที่ 22-23 กันยายน 2568) โดยกระแสข่าวจะมาจัดบริเวณหาดราไวย์ ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตนั้น
เทศบาลตำบลราไวย์ ขอแจ้งให้ทราบว่า “ทางเทศบาลตำบลราไวย์ ไม่เคยมีการอนุญาตให้จัดงาน หรืองานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนิกดังกล่าวในพื้นที่สาธารณะ”
เทศบาลตำบลราไวย์ ตระหนักดีถึงความละเอียดอ่อน ของประเด็นดังกล่าว และไม่อนุญาตให้มีการจัดงานใดอันที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน
ที่มาของข้อเรียกร้อง
ก่อนหน้านี้ มีกระแสคัดค้านอย่างกว้างขวางหลังมีการเผยแพร่ว่า ชาวอิสราเอลเตรียมจัดงานฉลองปีใหม่ริมหาดป่าตองและหาดราไว จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 22–23 กันยายน รวมทั้งพิธีทางศาสนา “ทัชลิช” (Taslich) ระหว่าง 1–13 ตุลาคม โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก กิจกรรมดังกล่าวถูกมองว่าไม่ใช่เพียงการท่องเที่ยวหรือศาสนพิธีธรรมดา แต่ยังมีนัยทางการเมืองและสัญลักษณ์ที่อ่อนไหวต่อสถานการณ์สงครามในกาซาและเวสต์แบงก์
เพจและชุมชน “ไทยเคียงข้างปาเลสไตน์” รวมทั้งประชาชนในโซเชียลจำนวนมาก ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย โดยเกรงว่าการจัดกิจกรรมอาจนำความขัดแย้งระดับโลกเข้าสู่พื้นที่ท่องเที่ยวของไทย และกระทบความรู้สึกของชุมชนมุสลิมท้องถิ่นที่มีอยู่ราว 25–35% ของประชากรภูเก็ต อีกทั้งยังมีข้อกังวลเรื่องการลงทุนธุรกิจและการเข้ามามีอิทธิพลของชาวอิสราเอลในพื้นที่
ทั้งนี้ แม้เทศบาลราไวย์ได้ออกมาปฏิเสธการอนุญาตจัดงาน แต่กระแสคัดค้านจากภาคประชาชนยังคงสะท้อนถึงความกังวลอย่างกว้างขวาง ทั้งในเชิงสิทธิมนุษยชน ศาสนา และความมั่นคง โดยทั้งหมดนี้กลายเป็นแรงกดดันต่อหน่วยงานท้องถิ่นในการตัดสินใจอย่างรอบคอบต่อกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวอิสราเอลในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย
