
สำนักข่าว Middle East Eye (MEE) รายงานว่า แผนการจัดตั้ง “กองกำลังป้องกันร่วมอาหรับ” ของอียิปต์ที่เสนอในที่ประชุมสุดยอดโดฮา ถูกกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ปฏิเสธ สะท้อนความแตกแยกภายในโลกอาหรับต่อการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากอิสราเอล
นักการทูตอียิปต์เผยว่า แผนดังกล่าวอ้างอิงสนธิสัญญาป้องกันและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1950 เพื่อสร้างพันธมิตรตอบสนองฉับไว ปกป้องรัฐสมาชิกจากภัยภายนอกโดยเฉพาะอิสราเอล ข้อเสนอถูกนำเสนอโดยนายบัดร์ อับเดลอัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ แต่ถูกกาตาร์และยูเออีขัดขวาง โดยจุดขัดแย้งหลักคือเรื่อง “ผู้นำกองกำลัง” ซาอุดีอาระเบียต้องการถืออำนาจบัญชาการ ขณะที่อียิปต์ยืนยันว่าตนมีประสบการณ์ทางทหารมากกว่า
ไม่กี่วันหลังการประชุม ซาอุดีอาระเบียได้ลงนามในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกับปากีสถานที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางความหวั่นวิตกว่ามะกันไม่สามารถควบคุมอิสราเอลได้
แหล่งข่าวระบุกับ MEE ว่า สหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญต่อท่าทีของกาตาร์และยูเออี คณะผู้แทนกาตาร์ที่เพิ่งกลับจากวอชิงตันนำข้อความมาถึงชาติอาหรับว่า “อย่าออกมติใดๆ ต่อต้านอิสราเอล” โดยอ้างคำรับปากจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะกดดันเนทันยาฮูไม่ให้โจมตีประเทศอ่าวอื่น
ผลลัพธ์คือชาติอาหรับอื่นต้องจำนนต่อจุดยืนของกาตาร์–ยูเออี เหลือเพียงแถลงการณ์ประณามการโจมตีอิสราเอลในโดฮา โดยไม่มีมาตรการเป็นรูปธรรม ทำให้อียิปต์รู้สึก “โดดเดี่ยว” ภายในกลุ่มพันธมิตรอาหรับ–อิสลาม
นักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่าการปฏิเสธข้อเสนอครั้งนี้เผยให้เห็น “ความแตกแยกลึกซึ้งในโลกอาหรับ” และเป็นความล้มเหลวอีกครั้งของความพยายามสร้างเอกภาพทางทหารภายใต้กรอบสนธิสัญญาปี 1950 เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2015 ที่ชาร์มเอลเชค
นักวิเคราะห์รายหนึ่งบอกกับ MEE โดยไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า “ที่ประชุมมีมติแค่เพียงจะจัดการประชุมสภาป้องกันอ่าว ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนต่อไคโรว่าประเทศในอ่าวไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนอียิปต์”
“สำหรับอียิปต์แล้ว ผลลัพธ์นี้คือความถดถอยในช่วงเวลาที่ภัยคุกคามจากอิสราเอลลุกลามเกินกว่ากาซา ซีซีหวังจะแสดงบทบาทอียิปต์ในฐานะผู้นำการป้องกันของโลกอาหรับและอิสลาม แต่ที่ประชุมก็ปิดฉากลงโดยไร้ข้อผูกพันที่เด็ดขาดใดๆ”
ในเวทีการประชุม ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ถึงกับกล่าวเรียกอิสราเอลว่า “ศัตรู” เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2014 สะท้อนความวิตกของไคโรต่อการขยายปฏิบัติการของอิสราเอล รวมถึงความเสี่ยงที่ชาวปาเลสไตน์จะถูกผลักดันเข้าสู่คาบสมุทรไซนาย







