แผนฉบับเต็มของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อยุติสงครามในกาซา

ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันจันทร์ 29 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำเสนอ แผนแบบบูรณาการ 20 ข้อ เพื่อยุติสงครามอิสราเอล–กาซา โดยมีสาระสำคัญคือ การถอนทหารอิสราเอลเป็นค่อยเป็นค่อยไป การจัดตั้งคณะกรรมการเทคโนแครตปาเลสไตน์บริหารกาซาชั่วคราว การปล่อยตัวเชลยและนักโทษ การปลดอาวุธฮามาส การสร้างกลไกเสถียรภาพระหว่างประเทศ ตลอดจนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการสร้างสันติภาพถาวรระหว่างปาเลสไตน์–อิสราเอล

สาระสำคัญของแผน 20 ข้อ

1. กาซาจะกลายเป็นพื้นที่ปลอดจากลัทธิสุดโต่งและการก่อการร้าย ไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศเพื่อนบ้าน

2. เริ่มโครงการฟื้นฟูกาซาเพื่อประโยชน์ของประชาชนที่ทนทุกข์มานาน

3. หากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ สงครามจะยุติทันที อิสราเอลจะถอนกำลังตามแนวที่ตกลง เพื่อเตรียมปล่อยเชลย พร้อมยุติการโจมตีทุกรูปแบบและตรึงแนวรบจนกว่าจะบรรลุการถอนทหารเต็มรูปแบบ

4. ภายใน 72 ชั่วโมงหลังอิสราเอลประกาศรับข้อตกลง จะต้องปล่อยเชลยทั้งหมด ทั้งที่มีชีวิตและผู้เสียชีวิต

5. หลังการปล่อยเชลย อิสราเอลจะปล่อยนักโทษ 250 คนที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และผู้ถูกควบคุมตัวจากกาซา 1,700 คนหลังเหตุการณ์ 7 ต.ค. 2023 รวมถึงสตรีและเด็กทั้งหมด โดยแลกกับการส่งศพเชลยอิสราเอล จะส่งคืนศพชาวปาเลสไตน์ 15 คนต่อหนึ่งราย

6. สมาชิกฮามาสที่ยอมทิ้งอาวุธและอยู่ร่วมกันอย่างสันติจะได้รับนิรโทษกรรม ส่วนผู้ที่ต้องการออกจากกาซาจะได้รับเส้นทางปลอดภัยไปยังประเทศที่ยอมรับ

7. เมื่อข้อตกลงเริ่มบังคับใช้ จะมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้ากาซาโดยทันที ไม่น้อยกว่ามาตราที่กำหนดในข้อตกลง 19 ม.ค. 2025 ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐาน สุขาภิบาล โรงพยาบาล โรงอบขนมปัง และเครื่องจักรเก็บกวาดซากปรักหักพัง

8. การนำเข้าและแจกจ่ายความช่วยเหลือจะดำเนินผ่านสหประชาชาติ สภาเสี้ยววงเดือนแดง และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ โดยไม่ถูกแทรกแซง ส่วนการเปิด–ปิดด่านราฟาห์ใช้กลไกเดียวกับข้อตกลง 19 ม.ค. 2025

9. กาซาจะถูกบริหารชั่วคราวโดยคณะกรรมการเทคโนแครตปาเลสไตน์ ภายใต้การกำกับของ “สภาสันติภาพ” (Peace Council) ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นประธาน และมีผู้นำประเทศอื่นร่วมด้วย เช่น โทนี แบลร์ โดยทำหน้าที่ควบคุมกรอบและงบประมาณฟื้นฟู จนกว่าการปฏิรูปของฝ่ายปาเลสไตน์สำเร็จ และพร้อมกลับมาควบคุมกาซาอย่างมีประสิทธิภาพ

10. จัดทำ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจของทรัมป์” เพื่อฟื้นฟูกาซา โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญที่เคยสร้างเมืองสมัยใหม่ในตะวันออกกลางเข้าร่วม วางกรอบการลงทุน สร้างงาน และสร้างความหวังใหม่แก่ประชาชน

11. จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีและการเข้าถึงตลาดที่ต่อรองกับประเทศคู่ร่วมมือ

12. ไม่มีใครถูกบังคับให้ออกจากกาซา ผู้ที่ต้องการไป–กลับมีสิทธิเต็มที่ พร้อมส่งเสริมให้ชาวกาซาอยู่ต่อเพื่อสร้างบ้านเมืองใหม่

13. ฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่นจะไม่มีสิทธิเข้าร่วมบริหารกาซาโดยตรงหรือโดยอ้อม โครงสร้างทางทหารและอุโมงค์ผลิตอาวุธจะถูกทำลายและห้ามสร้างซ้ำ กระบวนการปลดอาวุธจะอยู่ภายใต้การตรวจสอบโดยผู้สังเกตการณ์อิสระ พร้อมโครงการซื้อคืนอาวุธและการปรับตัวคืนสู่สังคมที่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ

14. พันธมิตรระดับภูมิภาคจะให้การรับประกันว่าฮามาสและกลุ่มต่าง ๆ จะปฏิบัติตามข้อตกลง และกาซาใหม่จะไม่เป็นภัยคุกคามอีก

15. สหรัฐฯ จะทำงานกับพันธมิตรอาหรับและนานาชาติเพื่อสร้าง “กองกำลังเสถียรภาพระหว่างประเทศชั่วคราว” (ISF) เพื่อสนับสนุนตำรวจปาเลสไตน์ โดยปรึกษากับจอร์แดนและอียิปต์ กองกำลังนี้จะร่วมมือกับอิสราเอลและอียิปต์เพื่อดูแลพรมแดน ป้องกันการลักลอบอาวุธ และอำนวยความสะดวกด้านการค้าฟื้นฟู

16. อิสราเอลจะไม่ยึดครองหรือผนวกกาซา เมื่อกองกำลังเสถียรภาพเข้ามาควบคุม อิสราเอลจะถอนทหารตามช่วงเวลาและเงื่อนไขที่ตกลงไว้ จนกว่ากาซาจะปลอดภัยอย่างแท้จริง

17. หากฮามาสปฏิเสธหรือถ่วงเวลา มาตรการทั้งหมด รวมถึงความช่วยเหลือ จะดำเนินในพื้นที่ที่ปลอดภัยซึ่งถูกส่งมอบจากอิสราเอลให้กองกำลังเสถียรภาพ

18. สร้างเวที “การสนทนาระหว่างศาสนา” เพื่อส่งเสริมความอดทนและการอยู่ร่วมกัน เปลี่ยนแปลงมุมมองและเรื่องเล่าของทั้งชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล

19. เมื่อการฟื้นฟูและการปฏิรูปคืบหน้า อาจเปิดโอกาสสู่เส้นทางการกำหนดอนาคตตนเองและการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์

20. สหรัฐฯ จะเปิดการเจรจาระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ เพื่อกำหนดอนาคตทางการเมืองบนฐานการอยู่ร่วมกันอย่างสงบและเจริญรุ่งเรือง

ภาพ
IDF current line of control
แนวการควบคุมปัจจุบันของกองทัพอิสราเอล
Initial withdrawal – hostage release
การถอนทหารระยะแรก – การปล่อยตัวเชลย
2nd withdrawal – when ISF mobilized per standards set in Trump plan
การถอนทหารระยะที่สอง – เมื่อกองกำลังเสถียรภาพระหว่างประเทศ (ISF) ถูกจัดตั้งตามมาตรฐานที่วางไว้ในแผนทรัมป์
3rd withdrawal – security buffer zone
การถอนทหารระยะที่สาม – เขตกันชนด้านความมั่นคง